tag:blogger.com,1999:blog-3542528330773071254.post4080738874962982681..comments2023-11-28T15:37:13.009+07:00Comments on เว็บไซต์การเรียนรู้ ประภัสรา โคตะขุน: แบคทีเรีย E. coli (อี. โคไล)Prapasara.Comhttp://www.blogger.com/profile/10697914215155821190noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-3542528330773071254.post-15536922419900814162011-06-07T19:56:56.463+07:002011-06-07T19:56:56.463+07:00ข่าวความคืบหน้าสำคัญนี้มีขึ้นหลังจากศูนย์ป้องกันแล...ข่าวความคืบหน้าสำคัญนี้มีขึ้นหลังจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหภาพยุโรป(อีซีดีซี) ในกรุงสตอกโฮล์มรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อแบคทีเรียมรณะดังกล่าวได้ขยับเพิ่มขึ้นอีก 3 รายรวมเป็น22 ราย โดยเหยื่อ 21 รายเป็นชาวเยอรมัน และอีกหนึ่งรายเป็นชาวสวีเดน ขณะที่มากกว่า 12 ประเทศระบุว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้แล้ว เช่น ออสเตรีย,อังกฤษ,สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก,ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, สเปน,สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐฯ เป็นต้น โดยทั้งหมดล้วนเดินทางมาจากเยอรมนี<br /> อย่างไรก็ตาม เคลาซ์ เวอร์เบคเจ้าของสวนผักในบีเนนบืทเทลแห่งนี้ ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่าเขาไม่ได้ใช้ปุ๋ยในการปลูกต้นงอกในแปลงเพาะของเขาเลย ดังนั้นจึงรู้สึกงุนงงว่าพืชเหล่านี้ปนเปื้อนแบคทีเรียชนิดนี้ได้อย่างไร<br /> ทางด้าน แดเนียล บาห์รรัฐมนตรีสาธารณสุขของนครรัฐฮัมบูร์ก ซึ่งได้ออกเยี่ยมผู้ป่วยติดเชื้อ EHEC หลายคนที่คลินิกของมหาวิทยาลัยเอพเพนดอร์ฟในฮัมบูร์ก เมื่อวันอาทิตย์ระบุว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้านอาหารกำลังทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อสืบสาวต้นตอของการติดเชื้อให้ได้ พร้อมกับเตือนด้วยว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุปกับผลการทดสอบเบื้องต้นที่ออกมานี้<br /> ขณะที่โฮลเกอร์ เอลเชเลโฆษกกระทรวงการเกษตรและผู้บริโภคของเยอรมนี ได้สั่งการให้รัฐบาลท้องถิ่นตรวจสอบสวนผักปลูกถั่วงอกและเมล็ดที่นำเข้าแล้ว<br /> ส่วนบรรดารัฐมนตรีเกษตรของสหภาพยุโรปก็เตรียมจะประชุมวาระฉุกเฉินในวันนี้ (7)เพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตการแพร่ระบาดและผลกระทบต่อผลิตผลพืชผักของพวกตน<br /> <br /> บรรยายใต้ภาพ<br /> ต้นตอ 'อี.โคไล'? - ถุงบรรจุผลิตภัณฑ์ "ถั่วงอก" ของสวนผักแห่งหนึ่งในเขตอืลเซิน เมืองบีเนนบืทเทลที่ตั้งอยู่ห่างจากนครรัฐฮัมบูร์กไปทางใต้ 70 กิโลเมตร สวนผักออร์แกนิกแห่งนี้กำลังถูกสงสัยว่าน่าจะเป็นต้นตอสำคัญของเชื้อแบคทีเรียอี.โคไล ที่แพร่ระบาดไปในเยอรมนีและอีกหลายประเทศ เวลานี้นักวิทยาศาสตร์กำลังตรวจสอบอย่างเคร่งเครียดเพื่อให้เกิดความแน่นอนชัดเจน<br /> <br /> ที่มา: หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน<br /> <br /><br /><br />.Prapasara.Comhttps://www.blogger.com/profile/10697914215155821190noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3542528330773071254.post-25091092648263579742011-06-07T19:56:38.958+07:002011-06-07T19:56:38.958+07:00ถั่วงอก อาจเป็นต้นตอ อี.โคไล เหยื่อแบคทีเรียมรณะเพ...ถั่วงอก อาจเป็นต้นตอ อี.โคไล เหยื่อแบคทีเรียมรณะเพิ่มเป็น 22 ศพ [วันที่ 7 มิ.ย. 2554 ]<br /><br /><br /><br /><br /> รอยเตอร์/เอเอฟพี - รัฐมนตรีเกษตรแห่งรัฐนีเดอร์ซัคเซิน(Niedersachsen) ของเยอรมนีแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (6) ว่า"ถั่วงอก" และผักงอกอื่นๆ จากสวนผักแห่งหนึ่งในรัฐซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศแห่งนี้ อาจเป็นแหล่งต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียมรณะ "อี.โคไล"ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 22 รายโดยเกือบทั้งหมดเป็นชาวเยอรมันนอกจากนี้ ยังมีผู้ติดเชื้ออีกมากกว่า 2,200 รายในหลายประเทศของยุโรป รวมทั้งสหรัฐฯ จนส่งผลให้รัฐบาลรัสเซียประกาศระงับการนำเข้าผักและผลไม้จากสหภาพยุโรปอย่างไม่มีกำหนด<br /> แกร์ท ลินเดมานน์ รัฐมนตรีเกษตรของรัฐนีเดอร์ซัคเซิน(โลว์เออร์ แซกโซนี ในภาษาอังกฤษ) กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ผลการตรวจสอบเบื้องต้นของคณะผู้เชี่ยวชาญ ได้พบร่องรอยแบคทีเรีย เอนเทอโรเฮโมร์ราจิก อี.โคไล (enterohaemorrhagic E.coli อี.โคไลชนิดที่มีเลือดออก) หรือเรียกย่อๆว่า อีเฮค (EHEC) ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในยุโรปโดยเฉพาะเยอรมนีจากในถั่วงอกของสวนผักแห่งหนึ่งในเขตอืลเซิน เมืองบีเนนบืทเทลซึ่งตั้งอยู่ห่างจากนครรัฐฮัมบูร์กไปทางใต้ 70 กิโลเมตร ทั้งนี้ฮัมบูร์ก เมืองใหญ่อันดับสองของเยอรมนีพบผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดเมื่อสามสัปดาห์ก่อน<br /> นอกเหนือจากถั่วงอกแล้วเขาระบุด้วยว่า ผลิตผลอื่นๆ จากสวนผักแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นถั่วอัลฟาฟางอก, ถั่วอาซูกิงอก,หัวไช้เท้างอก, ผักสลัดงอก,กะหล่ำงอก เป็นต้น ก็อาจเป็นตัวการแพร่ระบาดด้วยเช่นกัน<br /> ลินเดมานน์อธิบายต่อไปว่าทีมผู้เชี่ยวชาญได้พบความเชื่อมโยงกันระหว่างผลิตผลพืชผักต่างๆ ที่ได้มาจากสวนผักแห่งนี้กับอาหารที่เหยื่อรับประทานเข้าไปก่อนเสียชีวิต โดยที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นนีเดอร์ซัคเซินให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ถั่วงอก รวมทั้งผักงอกชนิดอื่นๆ จากสวนดังกล่าวถูกจัดส่งไปยังภัตตาคารในนครรัฐฮัมบูร์ก, รัฐชเลสวิก-โฮลชไตน์,เมคเลนบูร์ก-โปเมราเนีย, เฮสเซินรวมถึงในนีเดอร์ซัคเซินเอง ทั้งโดยตรงและผ่านพ่อค้าคนกลาง<br /> รัฐมนตรีลินเดมานน์ระบุว่าตอนนี้ "มีลูกจ้างหญิง 2 คนในสวนผักแห่งนี้ได้ล้มป่วยด้วยอาการท้องร่วง และ 1 รายในนั้นก็วินิจฉัยพบเชื้ออี.โคไลด้วย"<br /> เขากล่าวเสริมว่า ถั่วงอกและผักงอกสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส ซึ่งระดับอุณหภูมิดังกล่าว "เอื้อต่อการดำรงชีวิตของเชื้อแบคทีเรียทุกชนิด"<br /> อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีผู้นี้บอกว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัดว่าถั่วงอกที่ปนเปื้อนแบคทีเรียอี.โคไลจากสวนผักดังกล่าว เป็นสาเหตุแท้จริงที่ทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปหลายสิบราย และเป็นต้นตอหลักของการแพร่ระบาดขณะนี้หรือไม่นอกจากนี้ สวนผักดังกล่าวก็อาจเป็นเพียงหนึ่งในหลายแหล่งต้นตอของแบคทีเรียมรณะชนิดนี้ด้วยโดยทั้งหมดยังจะต้องผ่านการตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อยืนยันต่อไปซึ่งการประกาศผลน่าจะมีออกมาในวันจันทร์(6) ตามเวลาท้องถิ่น (ช่วงค่ำวันอาทิตย์ตามเวลาเมืองไทย)<br /> <br /><br />....Prapasara.Comhttps://www.blogger.com/profile/10697914215155821190noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3542528330773071254.post-36977265218410580202011-06-07T19:52:25.879+07:002011-06-07T19:52:25.879+07:00เชื้อแบคทีเรียอีโคไล การติดเชื้อและอาการ
หากเราต้...เชื้อแบคทีเรียอีโคไล การติดเชื้อและอาการ<br /><br />หากเราต้องไปผจญกับเชื้อตัวร้ายหล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น อย่างเจ้าอี.โคไล โอ-157 (E.coli O-157) มันจะแพร่กระจายในสภาพแวดล้อมรอบกายเรา หากเข้าสู่ร่างกายได้โดยการปนเปื้อนไปกับอาหารและน้ำ แล้วเราเผลอไปสัมผัสหรือกินเข้าไปโดยตรง เชื้อนี้จะใช้เวลาฟักตัวในร่างกายเรา 1-8 วัน ตัวเขาเองไม่มีปัญหา แต่ระหว่างนี้มันจะสร้างสารพิษที่ทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วงตามมา ในบางรายอาการอาจไม่รุนแรงมากและหายได้ภายใน 7-10 วัน แต่น้อยรายที่จะถ่ายอุจจาระปกติ โรคอุจจาระร่วงที่เกิดจากการติดเชื้อนี้มักจะไม่มีไข้ แต่ผู้ป่วยจะปวดท้องมาก ถึงขั้นปวดบิดได้<br /><br />ที่น่ากลัวคือมีการเสียชีวิตจากเชื้อนี้ เนื่องจากสารพิษของเชื้อ จะทำลายเม็ดเลือดแดง จึงเกิดภาวะไตวายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันพร่องไปหรือยังไม่สมบูรณ์เช่นเด็กอ่อนหรือผู้สูงอายุ หากมีอาการรุนแรง จะมีอุจจาระร่วงบ่อยครั้ง ปวดท้อง ท้องเสียมีเลือดปน ในเด็กอ่อนอายุน้อยกว่า 5 ปีหรือในผู้สูงอายุ มักจะเกิดโรคแทรกซ้อน เม็ดเลือดแดงถูกทำลายและทำให้ไตวาย เรียกชื่อว่า กลุ่มอาการเม็ดเลือดแดงแตกและไตวาย (hemolytic uremic syndrome) ทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย เนื่องจากเกร็ดเลือดถูกทำลาย จึงมีอาการเสียชีวิตได้ง่าย อัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 1<br /><br /><br />เชื้อแบคทีเรียอีโคไล ป้องกันอย่างไร<br /><br />โลกเราเดี๋ยวนี้แคบมาก ทำให้การป้องกันทำได้ค่อนข้างยาก เพราะการคมนาคมเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว การแพร่ระบาดของโรคจากประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่ง จึงรวดเร็วตามไปด้วย อย่างไรก็ตามการที่จะช่วยป้องกัน มิให้ติดเชื้อที่ดีที่สุดก็คือ จะต้องสร้างสุขนิสัยในการรับประทานอาหารให้ถูกต้อง เริ่มต้นด้วย กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ดื่มน้ำที่สะอาด หรือดื่มน้ำที่ผ่านการต้มแล้ว ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร<br /><br /><br />หากคุณชอบดื่มนมนั้น ควรดื่มนมที่ผ่านขบวนการ ฆ่าเชื้อมาแล้ว เช่น นมปาสเจอไรซ์ นมสเตอริไรซ์หรือนมยูเอชที เป็นต้น ทั้งนี้เพราะ อี.โคไล ถูกทำลายได้ง่ายด้วยความร้อน โดยถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิน้ำเดือดหรือ 100 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที จึงทำให้อาหารที่ผ่านความร้อน มีความปลอดภัยต่อการบริโภคมาก<br /><br />ในผู้ป่วยที่ปรากฏอาการอุจจาระร่วงนั้น หากอาการไม่รุนแรงนักก็ให้รับประทานน้ำดื่มเกลือแร่ (electrotytes) เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำ แต่ถ้าหากอาการยังไม่ทุเลา ก็ต้องรีบมาพบแพทย์เพื่อให้การรักษาพยาบาลต่อไป<br /><br />โดย เภสัชกร อุทัย สุขวิวัฒน์ศิริกุล http://www.oknation.net/blog/DIVING<br /><br /><br /><br />.Prapasara.Comhttps://www.blogger.com/profile/10697914215155821190noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3542528330773071254.post-40445817709091281792011-06-07T19:52:11.021+07:002011-06-07T19:52:11.021+07:00เชื้อแบคทีเรียอีโคไล
ตามปกติแล้ว อี.โคไล เป็นแบค...เชื้อแบคทีเรียอีโคไล <br /><br />ตามปกติแล้ว อี.โคไล เป็นแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ของมนุษย์เราเองนี่แหละ เชื้อนี้จะถูกขับออกจากร่างกายพร้อมอุจจาระ เขาไม่ใช่ผู้ร้ายเสมอไป เพราะความจริงแล้วเจ้าเชื้อนี้ในขณะที่อยู่ในร่างกายเราจะช่วยทำประโยชน์เยอะ ตัวอย่างเช่นการนำกากอาหารที่ร่างกายเราเองไม่ต้องการใช้แล้วมาเปลี่ยนให้เป็นวิตามินหลายชนิด รวมไปถึงยังทำหน้าที่เป็นทหารยามช่วยขัดขวางการเจริญของแบคทีเรียตัวร้ายอื่นๆ ป้องกันเราเองไม่ให้เกิดโรคบางชนิดอีกด้วย เชื้อแบคทีเรียอีโคไล ประเภทร้าย<br /><br />เชื้ออีโคไลนี้มันเป็นเชื้อแบคทีเรียมีหลายร้อยสายพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงเท่าใดนัก อย่างเช่นสายพันธุ์ที่เป็นจุลชีพทหารยามอาศัยอยู่ในทางเดินอาหารส่วนลำไส้เราที่กล่าวมา โดยไม่ทำให้เกิดโรคแต่อย่างใด แต่มันก้อมีสายพันธุ์จิ้กโก๋อย่างเช่นเชื้ออีโคไล O157:H7 ที่มีความสามารถในการสร้างโปรตีนที่เป็นพิษ ทำให้เกิดโรคที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงกับเสียชีวิตได้<br /><br />เชื้อแบคทีเรียอีโคไล ประเภทร้ายมาแวะเยี่ยมเราหลายครั้งแล้ว<br /><br />แต่ก้อยังมีอี.โคไล หลายสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงได้เช่นกันตามที่กล่าวมา ตัวอย่างที่กำลังโด่งดังก้อคือเจ้า อี.โคไล โอ-157 (E.coli O-157) นี่แหละ ที่ผ่านมาโลกเรามีการระบาดของเขามาหลายครั้งแล้ว ตัวอย่างเช่นในปี พ.ศ. 2525 ได้มีการแพร่ระบาดของ อี.โคไล โอ-157 (E.coli O-157) ในรัฐมิชิแกนและรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา โดยพบเชื้อปนเปื้อนมากับเนื้อสัตว์ที่ใช้ทำแฮมเบอร์เกอร์ จนต้องมีการเก็บแฮมเบอร์เกอร์เหล่านี้กลับคืนมาเพื่อทำลายทิ้ง การระบาดครั้งนี้ทำให้มีผู้ป่วยหลายราย ต่อมาได้มีการพบ การแพร่ระบาดในบ้านพักคนชราของเมืองออนตาริโอ ประเทศคานาดา โดยพบเชื้อปนเปื้อนมากับอาหารพวกแซนด์วิช ทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมากและมีผู้เสียชีวิต 19 ราย ในเดือนมีนาคม-กรกฎาคม พ.ศ.2539 ได้พบการแพร่ระบาด ของ อี.โคไล โอ-157 (E.coli O-157) ในญี่ปุ่นทำให้มีผู้ป่วย มากกว่า 1,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 11 ราย<br /><br />ในเดือนมีนาคม พ.ศ.2540 ได้มีการแพร่ระบาดของ อี.โคไล โอ-157 (E.coli O-157) ในฮ่องกง โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขฮ่องกง ได้ตรวจพบการปนเปื้อนของเชื้อนี้ในเนื้อวัวที่จำหน่าย ในซุปเปอร์มาเก็ตจากการสอบสวนทางระบาดวิทยาพบว่า อี.โคไล โอ-157 (E.coli O-157) มีปะปนมากับวัว ที่ส่งมาจากประเทศจีนและเมื่อนำวัวดังกล่าว มาฆ่าที่โรงฆ่าสัตว์ในฮ่องกง โดยมิได้ระมัดระวัง ในด้านสุขอนามัยเท่าที่ควรจึงทำให้เชื้อไม่ถูกทำลายทั้งหมด เป็นผลให้มีปนเปื้อนอยู่ในเนื้อสัตว์ที่นำไปจำหน่าย กระทรวงสาธารณสุขฮ่องกงจึงได้มีประกาศเตือนประชาชน ให้นำเนื้อวัวไปให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 75 องศาเซลเซียส หรือ 167 องศาฟาเรนไฮต์ จะทำลายเชื้อนี้ได้ อย่างไรก็ตามได้เคยมีการแพร่ระบาด ของเนื้อนี้ในฮ่องกงครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ.2537<br /><br />การระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล ในประเทศเยอรมนี ติดเชื้อมากว่า 1,000 และมีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 16 คน<br /><br /><br /><br /><br />...Prapasara.Comhttps://www.blogger.com/profile/10697914215155821190noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3542528330773071254.post-56058113804139681352011-06-07T19:47:11.005+07:002011-06-07T19:47:11.005+07:00สรุปข้อมูลเรื่อง Shiga-toxin producing Escherichia...สรุปข้อมูลเรื่อง Shiga-toxin producing Escherichia coli O104 <br /><br />Shiga-toxin producing Escherichia coli (STEC) คือ เชื้อ E. coli ที่สามารถสร้างสารพิษ Shiga toxin <br /><br /><br />ปัจจุบันพบเชื้อ STEC มากกว่า 100 O-Serotypes ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ มีอาการลำไส้ใหญ่อักเสบมี <br />เลือดออก (Haemorrhagic colitis) คืออาการปวดเกร็งอย่างรุนแรงในช่องท้อง ถ่ายเป็นเลือดสดไม่มีไข้ หรือมีไข้ <br />ต่ำ ผู้ป่วยบางรายเช่นเด็กเล็กและผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนที่เรียกว่า Haemorrhagic <br />uremic syndrome (HUS) ทำให้เสียชีวิตได้ ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการแสดงของโรคสามารถถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่นได้ <br />เชื้อ STEC ที่มีรายงานว่าเป็นสาเหตุการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษที่พบบ่อย เช่น O157:H7, O26, O111, <br />O145 เป็นต้น <br /><br /><br />กลไกการเกิดโรคของเชื้อ STEC <br />เชื้อสามารถสร้าง Shiga toxin ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ Shiga toxin 1 (STX1) และ Shiga <br />toxin 2 (STX2) เชื้อสร้างโปรตีนชื่อ Intimin (gene ที่ควบคุมการสร้าง Intimin คือ eae) ซึ่งเชื้อใช้ในการเกาะติด <br />กับเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้ และสร้าง enterohaemolysin <br />การระบาดของ STEC O104 ในทวีปยุโรป <br />ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2554 ได้มีรายงานผู้ป่วย Haemolytic uremic syndrome เพิ่มมากขึ้นอย่าง <br />ผิดปกติ ในประเทศเยอรมันนี ผู้ป่วยอย่างน้อย 3 ราย เสียชีวิต และพบผู้ป่วยมากทางภาคเหนือของประเทศ <br />อ้างอิงข้อมูล จากสถาบัน Robert Koch (http://www.eurosurveillance.org/ViewArticle.aspx?ArticleId=19878) <br /><br /><br /><br />ผลการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ <br />• ตัวอย่างเชื้อของผู้ป่วย 2 รายจากเมือง Hesse and Bremerhaven พบเชื้อ STEC O104 ซึ่งมี <br />คุณสมบัติคือสร้าง STX 2, ไม่พบ ยีนส์ eae, และไม่สร้าง enterohaemolysin เชื้อดื้อยา third <br />generation cephalosporins (extended spectrum beta-lactamases, ESBL) และดื้อยาหลายชนิด <br />คือ trimethoprim/sulphonamide และ tetracycline <br />• ตัวอย่างเชื้อของผู้ป่วย 13 ราย จากเมือง Muenster, Paderborn, Hamburg and Frankfurt พบ <br />เชื้อ STEC O104 ซึ่งมีคุณสมบัติคือสร้าง STX 2, ไม่พบ ยีนส์ eae <br />• การระบาดของเชื้อ STEC ในประเทศเยอรมันนีที่ผ่านมาในอดีต มักเกิดจากเชื้อ STEC <br />O157:H7 การพบเชื้อ STEC O104 จากผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นครั้งนี้ นับเป็นสิ่งผิดปกติ <br />นอกจากนี้ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2554 มีรายงานจากประเทศสวีเดน พบผู้ป่วย HUS 9 ราย โดยผู้ป่วย 4 รายได้ <br />เดินทาง (ผู้ร่วมเดินทาง 30 คน) ไปยังทางตอนเหนือของประเทศเยอรมัน ระหว่างวันที่ 8-10 พฤษภาคม 2554 <br />ส่วนประเทศเดนมาร์กได้รายงานผู้ป่วยติดเชื้อ STEC 4 ราย และมี 2 รายที่มีอาการ HUS ผู้ป่วยทุกรายมีประวัติ <br />การเดินทางไปทางตอนเหนือของประเทศเยอรมันนี <br />การสอบสวนหาต้นเหตุการระบาดของ STEC O104 <br />จากการสอบสวนการระบาดพบว่า การระบาดของ STEC O104 ในหลายเมือง ต้นเหตุไม่ได้เกิดจาก <br />อาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรือ นม เหมือนการระบาดของ STEC ที่ผ่านๆ มา จากการศึกษา Case-control ของ <br />สถาบัน Robert Koch และ หน่วยงานสาธารณสุขของเมือง Hamburg พบความสัมพันธ์ของผู้ป่วยกับการ <br />รับประทาน มะเขือเทศสด แตงกว่า และ ผักสลัด ขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนหาแหล่งอาหารแพร่โรค <br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br />.Prapasara.Comhttps://www.blogger.com/profile/10697914215155821190noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3542528330773071254.post-72123686744789957102011-06-07T19:32:20.601+07:002011-06-07T19:32:20.601+07:00แนวทางการเฝ้าระวังผู้ป่วย E.coli ชนิดรุนแรง
(Ente...แนวทางการเฝ้าระวังผู้ป่วย E.coli ชนิดรุนแรง <br />(Enterohemorrhagic E.coli ; EHEC O104)<br />(ปรับปรุงฉบับวันที่ 6 มิถุนายน 2554)<br /><br />ผู้ป่วยสงสัย คือ <br />1. ผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากทวีปยุโรป หรือ คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยด้วยอาการท้องเสียเพิ่งกลับมาจากทวีปยุโรปภายในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนวันเริ่มป่วย ร่วมกับมีอาการต่อไปนี้<br />• ถ่ายเป็นเลือด หรือมูกเลือด<br />• ปวดท้อง ถ่ายเหลว ร่วมกับผลการเก็บตัวอย่างอุจาระ (Fresh stool) ส่งตรวจ Stool examination พบเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว มากผิดปกติ<br />2. ผู้ที่มีอาการ Hemolytic uremic syndrome (HUS) ภายหลังจากอาการท้องเสีย โดยไม่จำเป็นต้องมีประวัติเดินทางไปทวีปยุโรป<br />นิยามผู้ป่วยสำหรับ HUS <br />มีอย่างน้อย 2 ใน 3 ของอาการหรืออาการแสดงต่อไปนี้ <br />• ซีดจากภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (Hemolytic anemia)<br />• มีภาวะเกร็ดเลือดต่ำ (น้อยกว่า 150,000 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร)<br />• พบความผิดปกติในการทำงานของไต (Renal dysfunction) ซึ่งได้แก่ มีค่า creatinine เพิ่มขึ้น มีอาการปัสสาวะน้อยผิดปกติ หรือน้อยกว่า 500 ซีซีภายใน 24 ชั่วโมง มีภาวะไตวาย พบไข่ขาวผิดปกติในปัสสาวะ หรือพบเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติในปัสสาวะ <br /><br /> <br />การดำเนินงานสอบสวนโรคในผู้ป่วยสงสัย<br />• สอบสวนโรคโดยใช้แบบฟอร์มสอบสวนผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อ E.coli ชนิดรุนแรง <br />• ส่งเพาะเชื้อจากอุจจาระ (Rectal swab culture) โดยระบุว่าขอส่งตรวจหา shiga-toxin <br />• รายงานผู้ป่วยสงสัยทุกรายมาที่สำนักระบาดวิทยาภายใน 24 ชั่วโมง โดยส่งทางโทรสารหมายเลข 02-5918579 หรือ e-mail: outbreak@health.moph.go.th<br />• ทำลายเชื้อในบริเวณสถานที่ที่ผู้ป่วยขับถ่าย โดยใช้คลอรีนเข้มข้น (ผงปูนคลอรีน 1 ช้อนชา ต่อ น้ำ 20 ลิตร) หรือ น้ำยาที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น ไลโซล<br />• เฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย 7 วัน หากมีอาการอุจจาระร่วงให้รีบพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยทันที<br />• ไม่ให้จ่ายยาปฏิชีวนะในชุมชนโดยเด็ดขาด!!!<br /> <br /><br /><br /><br />.Prapasara.Comhttps://www.blogger.com/profile/10697914215155821190noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3542528330773071254.post-9088094698370202072011-06-07T19:30:04.530+07:002011-06-07T19:30:04.530+07:00ความรู้ เรื่อง โรคจากเชื้อแบคทีเรีย อีโคไลชนิดรุนแ...ความรู้ เรื่อง โรคจากเชื้อแบคทีเรีย อีโคไลชนิดรุนแรง <br />(Enterohaemorrhagic E.coli O104) <br /><br />---------------------- <br />ข้อมูลทั่วไป <br />เชื้อ E.coli เป็นแบคทีเรียที่พบได้ในลำไส้ของมนุษย์และสัตว์เลือดอุ่น ส่วนใหญ่ของเชื้อ E.coli จะไม่ก่อให้เกิดอันตราย มีบางสายพันธุ์ของเชื้อ E.coli เช่น enterohaemorrhagic E.coli (EHEC) สามารถก่อให้เกิดอาการที่รุนแรง <br /><br />เชื้อ enterohaemorrhagic E.coli (EHEC) ทำให้เกิดโรคโดยการสร้างและปล่อยสารพิษชื่อ Shiga toxin ซึ่งสามารถทำลายเม็ดเลือดแดงและไตได้ <br /><br />ตัวอย่างที่สำคัญของเชื้อสายพันธุ์ enterohaemorrhagic E.coli (EHEC) เช่น สายพันธุ์ E.coli O157:H7 และE.coli serogroup O104 ที่สงสัยว่าจะเป็นสาเหตุการระบาดที่เยอรมัน ณ ขณะนี้ <br /><br />การติดต่อ <br />เชื้อนี้จะเข้าสู่ร่างกายโดยการบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อน เช่น เนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงไม่สุก นมที่ไม่ได้ผ่านขบวนการทำลายเชื้อ นอกจากนี้การปนเปื้อนของเชื้อโรคจากอุจจาระ สู่อาหารและน้ำ อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการเตรียมและการปรุงอาหาร เช่น ผิวของห้องครัวหรืออุปกรณ์ปรุงอาหารที่มีการปนเปื้อน <br /><br />เชื้อจะเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิระหว่าง 7 – 50 องศาเซลเซียส และจะถูกทำลายได้โดยความร้อนที่ 70 องศาเซลเซียส ขึ้นไป <br /><br />นอกจากนี้เชื้อ EHEC ยังเคยมีรายงานว่าสามารถเพาะเชื้อขึ้นจากบ่อน้ำ เชื้อสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นเดือน ในแหล่งน้ำ <br /><br />ระยะฟักตัว - ระหว่าง 3 – 8 วัน เฉลี่ย 3 – 4 วัน <br /><br />ส่วนใหญ่จะก่อโรคในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ โดยมักจะเป็นการระบาดชนิดประปราย น้อยครั้งที่จะมีการระบาดใหญ่เหมือนกรณีที่เยอรมัน ซึ่งพบว่าผู้ป่วย 86% เกิดกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป <br /><br />อาการ <br />• อาการของระบบทางเดินอาหารที่รุนแรง (อุจจาระเหลวมักมีเลือดปน หรือมีมูกเลือด) <br />• มีไข้ต่ำๆ หรือไม่มีไข้ <br />• ปวดท้อง อาเจียน <br />• อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิต จากไตวาย ซึ่งมักพบกับเด็กเล็ก พบได้ร้อยละ 3 – 7 ของผู้ที่ติดเชื้อดังกล่าว <br /><br />ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีการหายภายใน 10 วัน อัตราการป่วย – ตาย ประมาณร้อยละ 3-5 <br /><br />การป้องกัน <br />คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป ควรปฏิบัติตน เหมือนกับการป้องกันโรคติดต่อทางอาหารและน้ำอื่นๆ คือ สุก ร้อน สะอาด “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” <br /><br />สุก <br />ปรุงอาหารให้สุกอย่างทั่วถึง ห้ามรับประทานอาหารดิบ หรือ ดิบๆ สุกๆ เนื่องจาก เชื้อจะถูกทำลายได้โดยความร้อนที่ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสัตว์ <br /><br />ร้อน <br />• ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกทันที หรือสุกใหม่ๆ <br />• เก็บอาหารที่ปรุงสุกแล้วอย่างระมัดระวัง เช่น ข้าวกล่อง อาหารถุง <br />• กรณีจะนำมารับประทาน ต้องนำมาอุ่นให้ร้อนอย่างทั่วถึงก่อนรับประทานอีก <br />• สำหรับอาหารทารก ต้องนำมารับประทานทันทีหลังปรุงสุก และไม่ควรเก็บไว้ค้างมื้อ <br /><br />สะอาด <br />1. เลือกอาหารที่มีขบวนการผลิตที่ปลอดภัย <br />2. ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนและหลังรับประทานอาหาร และภายหลังการเข้าส้วม <br />3. อย่าใช้มือสัมผัสอาหารที่ปรุงสุกแล้วโดยตรง ควรใช้ช้อนกลาง <br />4. รักษาสิ่งแวดล้อมในครัวให้สะอาด โดยเฉพาะโต๊ะที่ใช้ปรุงอาหาร <br />5. น้ำดื่ม และน้ำใช้ต้องสะอาด <br />6. หลีกเลี่ยงการปนเปื้อนระหว่างอาหารด้วยกัน เพื่อไม่ให้อาหารที่ปรุงสุกแล้วปนเปื้อนกับอาหารดิบ เช่น การใช้มีด เขียง ต้องแยกระหว่างอาหารดิบ และอาหารสุก เป็นต้น <br /><br />การทำความสะอาดผัก ผลไม้ <br />• เลือกซื้อผัก ผลไม้ที่สะอาด ปลอดสารเคมี และยาฆ่าแมลง <br />• ล้างผัก และผลไม้ให้สะอาด ก่อนนำมารับประทาน โดยการเด็ดใบ คลี่ใบล้างผ่านน้ำให้สะอาดหลายๆ ครั้ง <br /><br />คำแนะนำ <br />สำหรับผู้ปรุงอาหาร ผู้เสิร์ฟอาหาร ผู้ขายอาหาร <br />• ปฏิบัติตามหลักสุขาภิบาลอาหาร โดยเฉพาะเรื่องความสะอาดของวัตถุดิบ และน้ำ ที่นำมาประกอบอาหาร ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรค รวมทั้งการล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ <br />• หากผู้ที่ป่วยเป็นผู้ปรุงอาหาร ผู้เสิร์ฟอาหาร ผู้ขายอาหาร ควรหยุดงานจนกว่าจะหายเป็นปกติ <br /><br />สำหรับผู้ที่มีอาการดังกล่าว และเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศที่มีการระบาด ควรพบแพทย์โดยเร็ว <br /><br />แปลและเรียบเรียงโดย : นายแพทย์พรชนก รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค <br /><br />เอกสารอ้างอิง <br />1. Outbreak of haemolytic uraemic syndrome in Germany <br />http://www.who.int/csr/don/2011_05_27/en/index.html <br />2. WHO fact sheet on enterohaemorrhagic E.coli <br />http://www.who.int/mediacentre/factsheets/fs125/en/ <br /><br /><br /><br /><br /><br />.Prapasara.Comhttps://www.blogger.com/profile/10697914215155821190noreply@blogger.com