การหาค่า CVI
วิธีการหาดัชนีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาทั้งฉบับ
เป็นวิธีการที่ประยุกต์จากแฮมเบลตันและคณะ (บุญใจ ศีรสถิตย์นรากูล,2547
: 224-225) มีดังนี้
ขั้นที่ 1 นำแบบทดสอบพร้อมเนื้อหาสาระ/โครงสร้างที่ต้องการวัดไปให้ผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณาความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับเนื้อหาสาระ/โครงสร้างที่กำหนดเกณฑ์เพื่อแสดงความคิดเห็น ดังนี้
ให้ 1 เมื่อพิจารณาว่า ข้อคาถามไม่สอดคล้องกับเนื้อหาสาระ/โครงสร้าง
2 เมื่อพิจารณาว่า ข้อคาถามจะต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขอย่างมาก
3 เมื่อพิจารณาว่า ข้อคาถามจะต้องได้รับแก้ไขปรับปรุงเล็กน้อย
4 เมื่อพิจารณาว่า ข้อคาถามมีความสอดคล้องกับเนื้อหาสาระ/โครงสร้าง
ขั้นที่ 2 รวบรวมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญมาการแจกแจงเป็นตาราง
ขั้นที่ 3 รวมจำนวนข้อคำถามที่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่ให้ความคิดเห็นในระดับ
3 และ 4
ขั้นที่ 4 หาดัชนีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาจากสูตรคำนวณ
เมื่อ CVI เป็นดัชนีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา
∑R3,4 เป็นจำนวนข้อที่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนให้ระดับ
3 และ4
N เป็นจำนวนข้อสอบทั้งหมด
โดยมีเกณฑ์การพิจารณาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาที่ใช้ได้
ตั้งแต่ 0.8 ขึ้นไป (Davis 1992:104)
และควรนำข้อคำถามที่ได้จากข้อที่ 1 และ
2 ไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เครื่องมือวิจัยมีความครอบคลุมตัวแปรที่ต้องการศึกษา
ดังตัวอย่างการหาค่าดัชนีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา
Davis, L. (1992). Instrument review : Getting
the most from your panel of experts. Applied Nursing Research, 5,
194-197.
***********************************
การหาค่า CVI
ดัชนีความเที่ยงตรงของเนื้อหา (Content Validity
Index: CVI) พบมากในงานวิจัยทางสังคมศาสตร์ที่มีความเกี่ยวข้องทางการแพทย์
โดยมักกำหนดจำนวนผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 – 10 คน (วินิจ เทือกทอง, 2555) วิธีการ CVI พัฒนาขึ้นโดย Waltz and Bausell (1981) โดยการประเมินเป็นแบบอัตวิสัยของผู้เชี่ยวชาญ
โดยมีเกณฑ์ข้อคำถาม 4 ประเด็น
และค่าดัชนีความเที่ยงตรงของเนื้อหาคำนวณจาก
|
เมื่อ R3,4 แทนจำนวนข้อที่ผู้เชี่ยวชาญให้คะแนน 3 และ
4 และ N แทนจำนวนผู้เชี่ยวชาญ
ที่มา
:: วารสารสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปีที่
18 ฉบับเดือนมกราคม-ธันวาคม 2558 ,
Waltz, C. F., and Bausell, R. B.
(1981). Nursing research: Design, statistics, and computer
analysis. Philadelphia : F. A. Davis.
เกณฑ์ของดัชนีความเที่ยงตรงของเนื้อหา
1. ความสอดคล้อง
(Relevance)
1 = คำถามไม่มีความสอดคล้อง (not revision)
2 = คำถามต้องปรับปรุง จึงจะมีความสอดคล้อง (item need some
revision)
3 = คำถามมีความสอดคล้อง หากมีการปรับปรุงเล็กน้อย (relevant but need
minor revision)
4 = คำถามมีความสอดคล้องมาก (vary relevant)
2. ความชัดเจน
(Clarity)
1 = คำถามไม่มีความชัดเจน (not clear)
2 = คำถามต้องปรับปรุง จึงจะมีความชัดเจน (item need some
revision)
3 = คำถามมีความชัดเจน หากมีการปรับปรุงเล็กน้อย (clear but need
minor revision)
4 = คำถามมีความชัดเจนมาก (vary clear)
3. ความง่าย
(Simplicity)
1 = คำถามไม่มีความง่าย (not sample)
2 = คำถามต้องปรับปรุง จึงจะมีความง่าย (item need some
revision)
3 = คำถามมีความง่าย หากมีการปรับปรุงเล็กน้อย (sample but need
minor revision)
4 = คำถามมีความง่ายแล้ว (vary sample)
4. ความกำกวม (Ambiguity)
1 = คำถามมีความกำกวม (doubtful)
2 = คำถามต้องปรับปรุง จึงจะไม่มีความกำกวม (item need some revision)
3 = ปรับปรุงคำถามเล็กน้อยก็จะไม่มีความกำกวม (no doubt but need minor revision)
4 = คำถามไม่มีความกำกวม (meaning is clear)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น