สัมพันธ์สั่นคลอน
ผู้ประท้วงอิหร่านบุกเผาทำลายสถานทูตอังกฤษ
ฉุนโดนคว่ำบาตรโครงการนิวเคลียร์
กลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านบุกเข้าไปภายในสถานทูตอังกฤษในกรุงเตหะราน
ระหว่างการประท้วงต่อต้านอังกฤษ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน
ได้กล่าวเตือนอิหร่านว่าอาจต้องเผชิญกับมาตรการขั้นเด็ดขาด
ภาพจากสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของอิหร่าน รายงานว่า ผู้ประท้วงจำนวนมากขว้างปาระเบิดเข้าไปภายในสถานทูต ทุบทำลายกระจกหน้าต่างสถานทูต ก่อนบุกเข้าไปดึงธงชาติอังกฤษออกมาเผา และนำธงชาติอิหร่านปักเข้าไปแทนที่ เพื่อเป็นการต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรของอังกฤษและชาติตะวันตกต่อโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัฐสภาอิหร่านผ่านมติเห็นชอบให้มีการลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอังกฤษเพื่อเป็นการตอบโต้
สำนักข่าวกึ่งทางการเมห์ของอิหร่าน รายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงยังได้รื้อค้นทรัพย์สินภายในสถานทูต มีการจุดไฟเผาทำลายเอกสารต่างๆ และรถยนต์ภายในสถานทูต ขณะที่เจ้าหน้าที่สถานทูตต่างแตกตื่นวิ่งหนีตายออกทางด้านหลังอาคาร โดยไม่มีผู้ได้รับอันตราย
ด้านกระทรวงต่างประเทศอังกฤษ ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและตกตะลึงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังรัฐสภาอิหร่านลงมติลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับอังกฤษ เพื่อตอบโต้กรณีอังกฤษใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติม นายคาเมรอนยังกล่าวว่า รัฐบาลอิหร่านความล้มเหลวในการปกป้องเจ้าหน้าที่และทรัพย์สินของสถานทูตอังกฤษ รวมถึงยกย่องนายโดมินิก ชิลค็อตต์ เอกอัครราชทูตประจำกรุงเตหะราน ที่สามารถจัดการสถานการณ์อันตรายด้วยความมีสติและอย่างมืออาชีพ
ผู้ประท้วงจำนวนมาก ซึ่งอิหร่านระบุว่าเป็นกลุ่มนักศึกษา ได้รวมตัวกันบริเวณหน้าสถานทูตอังกฤษก่อนที่จะปีนกำแพงและบุกเข้าไปยังด้านใน และบุกเผารถยนต์ ทุบทำลายกระจกหน้าต่างและทรัพย์สิน รวมถึงฉกฉวยข้าวของต่างๆอีกด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ อังกฤษ และแคนาดา ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่เพื่อเป็นการตอบโต้แผนโครงกาารนิวเคลียร์ หลังจากที่มีรายงานจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ระบุว่าอิหร่านกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ กระทรวงการคลังอังกฤษ ประกาศคว่ำบาตรธนาคารกลางของอิหร่าน โดยกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนด้านเงินทุนต่อโครงการนิวเคลียร์
ภาพจากสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของอิหร่าน รายงานว่า ผู้ประท้วงจำนวนมากขว้างปาระเบิดเข้าไปภายในสถานทูต ทุบทำลายกระจกหน้าต่างสถานทูต ก่อนบุกเข้าไปดึงธงชาติอังกฤษออกมาเผา และนำธงชาติอิหร่านปักเข้าไปแทนที่ เพื่อเป็นการต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรของอังกฤษและชาติตะวันตกต่อโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัฐสภาอิหร่านผ่านมติเห็นชอบให้มีการลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอังกฤษเพื่อเป็นการตอบโต้
สำนักข่าวกึ่งทางการเมห์ของอิหร่าน รายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงยังได้รื้อค้นทรัพย์สินภายในสถานทูต มีการจุดไฟเผาทำลายเอกสารต่างๆ และรถยนต์ภายในสถานทูต ขณะที่เจ้าหน้าที่สถานทูตต่างแตกตื่นวิ่งหนีตายออกทางด้านหลังอาคาร โดยไม่มีผู้ได้รับอันตราย
ด้านกระทรวงต่างประเทศอังกฤษ ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและตกตะลึงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังรัฐสภาอิหร่านลงมติลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับอังกฤษ เพื่อตอบโต้กรณีอังกฤษใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติม นายคาเมรอนยังกล่าวว่า รัฐบาลอิหร่านความล้มเหลวในการปกป้องเจ้าหน้าที่และทรัพย์สินของสถานทูตอังกฤษ รวมถึงยกย่องนายโดมินิก ชิลค็อตต์ เอกอัครราชทูตประจำกรุงเตหะราน ที่สามารถจัดการสถานการณ์อันตรายด้วยความมีสติและอย่างมืออาชีพ
ผู้ประท้วงจำนวนมาก ซึ่งอิหร่านระบุว่าเป็นกลุ่มนักศึกษา ได้รวมตัวกันบริเวณหน้าสถานทูตอังกฤษก่อนที่จะปีนกำแพงและบุกเข้าไปยังด้านใน และบุกเผารถยนต์ ทุบทำลายกระจกหน้าต่างและทรัพย์สิน รวมถึงฉกฉวยข้าวของต่างๆอีกด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ อังกฤษ และแคนาดา ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่เพื่อเป็นการตอบโต้แผนโครงกาารนิวเคลียร์ หลังจากที่มีรายงานจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ระบุว่าอิหร่านกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ กระทรวงการคลังอังกฤษ ประกาศคว่ำบาตรธนาคารกลางของอิหร่าน โดยกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนด้านเงินทุนต่อโครงการนิวเคลียร์
อิหร่าน ประท้วงเดือด
บุกสถานทูตอังกฤษ
นักศึกษาชาวอิหร่าน เผาธงชาติ บุกทำลาย
สถานทูตอังกฤษ ในเมืองเตหะราน เพื่อกดดันรัฐบาล ลดความสัมพันธ์กับเมืองผู้ดี
สื่อต่างประเทศ รายงาน เกิดเหตุนักศึกษาชาวอิหร่าน ออกมาประท้วง บริเวณสถานทูตอังกฤษ ประจำกรุงเตหะราน เมืองหลวง เพื่อให้ทางรัฐบาลอิหร่าน ลดความสัมพันธ์กับอังกฤษ โดยรายงานระบุว่า นักศึกษามีการจุดไฟเผาธงชาติอังกฤษและรูปของ ควีน เอลิซาเบธ ที่ 2 ซึ่งการประท้วงทวีความรุนแรงขึ้น โดยกลุ่มผู้ประท้วงพยายามบุกเข้าไปในสถานทูต ซึ่งมีการขว้างปาก้อนหิน เข้าไปข้างใน ทำให้กระจกแตกหลายบาน ส่วนเจ้าหน้าที่สถานทูต ที่อยู่ข้างในต้องรีบหนีออกมาทางประตูหลังอย่างอลหม่าน จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงตัดสินใจสลายการชุมนุม มีการยิงแก๊สน้ำตาใส่และมีการปะทะกันอย่างดุเดือด
สื่อท้องถิ่นของอิหร่าน รายงานว่า การปะทะกับเจ้าหน้าที่ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุม ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ประท้วง ยังคงปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณหน้า สถานทูตอังกฤษ
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ออกมาแสดงความเสียใจ พร้อมกับกล่าวขอโทษไปยัง สถานทูตอังกฤษ โดยบอกว่า เป็นเพียงการกระทำของคนกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ กำลังพยายามตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยแบบแน่นหนา
Link : http://www.innnews.co.th/อิหร่าน-ประท้วงเดือด-บุกสถานทูตอังกฤษ--324396_04.html
สื่อต่างประเทศ รายงาน เกิดเหตุนักศึกษาชาวอิหร่าน ออกมาประท้วง บริเวณสถานทูตอังกฤษ ประจำกรุงเตหะราน เมืองหลวง เพื่อให้ทางรัฐบาลอิหร่าน ลดความสัมพันธ์กับอังกฤษ โดยรายงานระบุว่า นักศึกษามีการจุดไฟเผาธงชาติอังกฤษและรูปของ ควีน เอลิซาเบธ ที่ 2 ซึ่งการประท้วงทวีความรุนแรงขึ้น โดยกลุ่มผู้ประท้วงพยายามบุกเข้าไปในสถานทูต ซึ่งมีการขว้างปาก้อนหิน เข้าไปข้างใน ทำให้กระจกแตกหลายบาน ส่วนเจ้าหน้าที่สถานทูต ที่อยู่ข้างในต้องรีบหนีออกมาทางประตูหลังอย่างอลหม่าน จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงตัดสินใจสลายการชุมนุม มีการยิงแก๊สน้ำตาใส่และมีการปะทะกันอย่างดุเดือด
สื่อท้องถิ่นของอิหร่าน รายงานว่า การปะทะกับเจ้าหน้าที่ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุม ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ประท้วง ยังคงปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณหน้า สถานทูตอังกฤษ
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ออกมาแสดงความเสียใจ พร้อมกับกล่าวขอโทษไปยัง สถานทูตอังกฤษ โดยบอกว่า เป็นเพียงการกระทำของคนกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ กำลังพยายามตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยแบบแน่นหนา
Link : http://www.innnews.co.th/อิหร่าน-ประท้วงเดือด-บุกสถานทูตอังกฤษ--324396_04.html
'อังกฤษ'ขนจนท.หนีหลัง'คนอิหร่าน'
บุกทุบทำลาย'สถานทูต'ในเตหะราน
เอเอฟพี/รอยเตอร์ -
อังกฤษกำลังอพยพเจ้าหน้าที่การทูตของตนออกมาจากอิหร่านเมื่อวานนี้(30พ.ย.)
หลังจากที่ก่อนหน้านั้น 1 วัน
กลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านได้ยกกำลังบุกเข้าไปทุบทำลายสถานเอกอัครราชทูตแดนยูเนียนแจ๊กในกรุงเตหะราน
และทำให้นานาชาติพากันแถลงแสดงความไม่พอใจ
โดยที่นอร์เวย์ถึงขั้นประกาศแล้วว่ากำลังปิดสถานเอกอัครราชทูตของตนในเมืองหลวงอิหร่านเป็นการชั่วคราว
ขณะที่คณะทูตานุทูตของชาติยุโรปอื่นๆ
กำลังอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์
อังกฤษได้ออกมาแถลงเตือนอิหร่านว่า จะต้องเผชิญกับ “ผลต่อเนื่องอันสาหัสร้ายแรง” ภายหลังเกิดเหตุโจมตีอาคารทางการทูตของแดนยูเนียนแจ๊ก 2 แห่งในกรุงเตหะรานเมื่อวันอังคาร (29 พ.ย.) โดยแห่งหนึ่งคืออาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตแห่งหลัก ซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองหลวงอิหร่าน ส่วนอีกแห่งหนึ่งเป็นอาคารที่พักอาศัยนักการทูตในย่านโกลฮัค ทางตอนเหนือของเตหะราน ซึ่งอังกฤษใช้เป็นที่ทำงานของสถานทูตในช่วงฤดูร้อน
อาคารทางการทูตทั้งสองได้ถูกบุกทุบทำลายตอนช่วงบ่ายวันอังคาร ระหว่างที่มีผู้ประท้วงชาวอิหร่านเดินขบวนอยู่ โดยที่อาคารสถานทูตแห่งหลัก ผู้ประท้วงได้ทุบพังหน้าต่าง, จุดไฟเผารถยนต์คันหนึ่ง, และเผาธงชาติอังกฤษตลอดจนเอกสารต่างๆ ส่วนอาคารในย่านโกลฮัค ก็ถูกบุกรุกทำลายได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นเดียวกัน
สื่อมวลชนอิหร่านรายงานว่า ผู้ประท้วงที่โกลฮัคมีจำนวนระหว่าง 100 ถึง 300 คน ส่วนที่อาคารสถานทูตแห่งหลักนั้นมีประมาณ 50 คน การทุบทำลายข้าวของในอาคารทางการทูตทั้งสอง ซึ่งมีทั้งทรัพย์สินของทางราชการอังกฤษ และทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ ดำเนินต่อเนื่องอยู่หลายชั่วโมง และดูเหมือนจะยุติลงในตอนกลางคืน หลังจากพวกตำรวจท้องถิ่นเข้ามาห้ามปราม
รายงานข่าวของฝ่ายอิหร่านชิ้นหนึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ 6 คนถูกผู้ประท้วงคุมตัวเอาไว้เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ตำรวจจะมาช่วยปล่อยตัวเป็นอิสระ ขณะที่ วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษไม่พยายามให้น้ำหนักแก่เรื่องนี้ โดยกล่าวว่าสถานการณ์อยู่ในความสับสน และเขาจะไม่เรียกนักการทูตเหล่านี้ว่า ตกเป็น “ตัวประกัน”
แหล่งข่าวหลายๆ รายบอกกับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่การทูตของสถานทูตได้ถูกผู้ประท้วงจำกัดการเคลื่อนไหวอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง โดยที่แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในอาคารสถานทูตแห่งหลัก ได้ถูกต้อนเข้าไปอยู่ในห้องๆ หนึ่ง ขณะที่ผู้ประท้วงทำการทุบทำลายข้าวของในอาคาร
สำหรับการชุมนุมเดินขบวนที่บริเวณด้านหน้าสถานทูตอังกฤษคราวนี้ จัดขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากทางการผู้รับผิดชอบของอิหร่าน ผู้ประท้วงมีจุดประสงค์ที่จะแสดงความโกรธกริ้วจากการที่อังกฤษประกาศในสัปดาห์ที่แล้วว่า กำลังจะตัดความสัมพันธ์ในด้านภาคการเงินทั้งหมดที่มีอยู่กับอิหร่าน
มาตรการดังกล่าวนี้ของอังกฤษ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการลงโทษคว่ำบาตรระลอกใหม่ซึ่งทำประสานกับสหรัฐฯและแคนาดา ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่าน เพื่อให้ระงับโครงการนิวเคลียร์ ที่ฝ่ายตะวันตกตั้งข้อสงสัยว่าเบื้องหลังฉากของโครงการนี้คือการมุ่งพัฒนาสมรรถนะด้านอาวุธนิวเคลียร์ ถึงแม้เตหะรานได้ปฏิเสธอย่างแข็งขันเรื่อยมา
การโจมตีอาคารทางการทูตของอังกฤษคราวนี้ ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดอย่างร้ายแรงให้แก่การประจันหน้ากันระหว่างอิหร่านกับฝ่ายตะวันตกในประเด็นดังกล่าว
นอกจากนั้น ยังถือเป็นเหตุการณ์โจมตีสถานที่ทำการด้านการทูตครั้งร้ายแรงที่สุดในกรุงเตหะราน ภายหลังเหตุการณ์ปี 1979 ที่พวกนักศึกษาอิสลามิสต์บุกเข้าไปยึดครองสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ และจับกุมชาวอเมริกัน 52 คนเป็นตัวประกันอยู่ถึง 444 วัน
เหตุการณ์บุกรุกในวันอังคาร ไม่มีนักการทูตอังกฤษได้รับบาดเจ็บ แต่ในเวลาต่อมาได้มีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่อังกฤษออกไปจากอิหร่านแล้ว โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศในกรุงลอนดอนกล่าวว่า เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะยังคงปลอดภัย
โฆษกผู้นี้ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าจะปิดสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษในเตหะรานหรือไม่ โดยกล่าวว่าจะออกแถลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเวลาที่เหมาะสม
สำหรับปฏิกิริยาจากประเทศอื่นๆ นอร์เวย์กลายเป็นประเทศแรกที่ประกาศปิดสถานเอกอัครราชทูตประจำอิหร่านของตนลงเป็นการชั่วคราว โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืนระบุว่า สืบเนื่องจากเหตุผู้ประท้วงทุบทำลายสถานทูตอังกฤษ แต่โฆษกผู้นี้กล่าวด้วยว่าเจ้าหน้าที่การทูตของนอร์เวย์ยังคงอยู่ในกรุงเตหะราน โดยไม่มีการตัดสินใจที่จะอพยพพวกเขาออกมา และทางกระทรวงกำลังเฝ้าติดตามประเมินสถานการณ์
ทางด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่ง วิพากษ์วิจารณ์อิหร่านอย่างรุนแรง ทว่าหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงว่าจะมีผลสะท้อนอะไรติดตามมา
ขณะที่ บัน คีมุน เลขาธิการยูเอ็น ได้ออกคำแถลงอีกฉบับหนึ่งกล่าวว่า รู้สึกช็อกและโกรธกริ้วเมื่อได้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเตหะรานคราวนี้
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ก็แถลงว่า เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
แม้กระทั่งรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรรายใหญ่ใกล้ชิดที่สุดของอิหร่าน ก็ยังออกมาประณามการบุกรุกเช่นนี้ว่า เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ในส่วนปฏิกิริยาจากภายในอิหร่านเอง อยู่ในลักษณะผสมผเสกันโดยบางฝ่ายแสดงความสำนักผิดและแต่ก็มีบางฝ่ายประกาศท้าทายฝ่ายตะวันตก
กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านออกแถลง “แสดงความเสียใจ” ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานว่า รองผู้บัญชาการตำรวจ อาเหม็ด เรซา ราดัน กล่าวว่ามีผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งถูกจับกุมและอีกหลายๆ คนกำลังถูกตามล่า
แต่โฆษกรัฐสภาอิหร่าน อาลี ลาริจานี กลับแถลงว่า ผู้ประท้วงเพียงแต่โกรธกริ้วพฤติกรรมของรัฐบาลอังกฤษ รวมทั้งไม่พอใจการที่อังกฤษเคลื่อนไหวในลักษณะมุ่งบงการอิหร่านมาหลายสิบปีแล้ว นอกจากนั้นเขายังตำหนิการออกแถลงประณามอิหร่านของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นว่า “รีบร้อนเหลือเกิน”
อังกฤษได้ออกมาแถลงเตือนอิหร่านว่า จะต้องเผชิญกับ “ผลต่อเนื่องอันสาหัสร้ายแรง” ภายหลังเกิดเหตุโจมตีอาคารทางการทูตของแดนยูเนียนแจ๊ก 2 แห่งในกรุงเตหะรานเมื่อวันอังคาร (29 พ.ย.) โดยแห่งหนึ่งคืออาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตแห่งหลัก ซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองหลวงอิหร่าน ส่วนอีกแห่งหนึ่งเป็นอาคารที่พักอาศัยนักการทูตในย่านโกลฮัค ทางตอนเหนือของเตหะราน ซึ่งอังกฤษใช้เป็นที่ทำงานของสถานทูตในช่วงฤดูร้อน
อาคารทางการทูตทั้งสองได้ถูกบุกทุบทำลายตอนช่วงบ่ายวันอังคาร ระหว่างที่มีผู้ประท้วงชาวอิหร่านเดินขบวนอยู่ โดยที่อาคารสถานทูตแห่งหลัก ผู้ประท้วงได้ทุบพังหน้าต่าง, จุดไฟเผารถยนต์คันหนึ่ง, และเผาธงชาติอังกฤษตลอดจนเอกสารต่างๆ ส่วนอาคารในย่านโกลฮัค ก็ถูกบุกรุกทำลายได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นเดียวกัน
สื่อมวลชนอิหร่านรายงานว่า ผู้ประท้วงที่โกลฮัคมีจำนวนระหว่าง 100 ถึง 300 คน ส่วนที่อาคารสถานทูตแห่งหลักนั้นมีประมาณ 50 คน การทุบทำลายข้าวของในอาคารทางการทูตทั้งสอง ซึ่งมีทั้งทรัพย์สินของทางราชการอังกฤษ และทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ ดำเนินต่อเนื่องอยู่หลายชั่วโมง และดูเหมือนจะยุติลงในตอนกลางคืน หลังจากพวกตำรวจท้องถิ่นเข้ามาห้ามปราม
รายงานข่าวของฝ่ายอิหร่านชิ้นหนึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ 6 คนถูกผู้ประท้วงคุมตัวเอาไว้เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ตำรวจจะมาช่วยปล่อยตัวเป็นอิสระ ขณะที่ วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษไม่พยายามให้น้ำหนักแก่เรื่องนี้ โดยกล่าวว่าสถานการณ์อยู่ในความสับสน และเขาจะไม่เรียกนักการทูตเหล่านี้ว่า ตกเป็น “ตัวประกัน”
แหล่งข่าวหลายๆ รายบอกกับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่การทูตของสถานทูตได้ถูกผู้ประท้วงจำกัดการเคลื่อนไหวอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง โดยที่แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในอาคารสถานทูตแห่งหลัก ได้ถูกต้อนเข้าไปอยู่ในห้องๆ หนึ่ง ขณะที่ผู้ประท้วงทำการทุบทำลายข้าวของในอาคาร
สำหรับการชุมนุมเดินขบวนที่บริเวณด้านหน้าสถานทูตอังกฤษคราวนี้ จัดขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากทางการผู้รับผิดชอบของอิหร่าน ผู้ประท้วงมีจุดประสงค์ที่จะแสดงความโกรธกริ้วจากการที่อังกฤษประกาศในสัปดาห์ที่แล้วว่า กำลังจะตัดความสัมพันธ์ในด้านภาคการเงินทั้งหมดที่มีอยู่กับอิหร่าน
มาตรการดังกล่าวนี้ของอังกฤษ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการลงโทษคว่ำบาตรระลอกใหม่ซึ่งทำประสานกับสหรัฐฯและแคนาดา ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่าน เพื่อให้ระงับโครงการนิวเคลียร์ ที่ฝ่ายตะวันตกตั้งข้อสงสัยว่าเบื้องหลังฉากของโครงการนี้คือการมุ่งพัฒนาสมรรถนะด้านอาวุธนิวเคลียร์ ถึงแม้เตหะรานได้ปฏิเสธอย่างแข็งขันเรื่อยมา
การโจมตีอาคารทางการทูตของอังกฤษคราวนี้ ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดอย่างร้ายแรงให้แก่การประจันหน้ากันระหว่างอิหร่านกับฝ่ายตะวันตกในประเด็นดังกล่าว
นอกจากนั้น ยังถือเป็นเหตุการณ์โจมตีสถานที่ทำการด้านการทูตครั้งร้ายแรงที่สุดในกรุงเตหะราน ภายหลังเหตุการณ์ปี 1979 ที่พวกนักศึกษาอิสลามิสต์บุกเข้าไปยึดครองสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ และจับกุมชาวอเมริกัน 52 คนเป็นตัวประกันอยู่ถึง 444 วัน
เหตุการณ์บุกรุกในวันอังคาร ไม่มีนักการทูตอังกฤษได้รับบาดเจ็บ แต่ในเวลาต่อมาได้มีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่อังกฤษออกไปจากอิหร่านแล้ว โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศในกรุงลอนดอนกล่าวว่า เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะยังคงปลอดภัย
โฆษกผู้นี้ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าจะปิดสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษในเตหะรานหรือไม่ โดยกล่าวว่าจะออกแถลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเวลาที่เหมาะสม
สำหรับปฏิกิริยาจากประเทศอื่นๆ นอร์เวย์กลายเป็นประเทศแรกที่ประกาศปิดสถานเอกอัครราชทูตประจำอิหร่านของตนลงเป็นการชั่วคราว โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืนระบุว่า สืบเนื่องจากเหตุผู้ประท้วงทุบทำลายสถานทูตอังกฤษ แต่โฆษกผู้นี้กล่าวด้วยว่าเจ้าหน้าที่การทูตของนอร์เวย์ยังคงอยู่ในกรุงเตหะราน โดยไม่มีการตัดสินใจที่จะอพยพพวกเขาออกมา และทางกระทรวงกำลังเฝ้าติดตามประเมินสถานการณ์
ทางด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่ง วิพากษ์วิจารณ์อิหร่านอย่างรุนแรง ทว่าหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงว่าจะมีผลสะท้อนอะไรติดตามมา
ขณะที่ บัน คีมุน เลขาธิการยูเอ็น ได้ออกคำแถลงอีกฉบับหนึ่งกล่าวว่า รู้สึกช็อกและโกรธกริ้วเมื่อได้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเตหะรานคราวนี้
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ก็แถลงว่า เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
แม้กระทั่งรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรรายใหญ่ใกล้ชิดที่สุดของอิหร่าน ก็ยังออกมาประณามการบุกรุกเช่นนี้ว่า เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ในส่วนปฏิกิริยาจากภายในอิหร่านเอง อยู่ในลักษณะผสมผเสกันโดยบางฝ่ายแสดงความสำนักผิดและแต่ก็มีบางฝ่ายประกาศท้าทายฝ่ายตะวันตก
กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านออกแถลง “แสดงความเสียใจ” ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานว่า รองผู้บัญชาการตำรวจ อาเหม็ด เรซา ราดัน กล่าวว่ามีผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งถูกจับกุมและอีกหลายๆ คนกำลังถูกตามล่า
แต่โฆษกรัฐสภาอิหร่าน อาลี ลาริจานี กลับแถลงว่า ผู้ประท้วงเพียงแต่โกรธกริ้วพฤติกรรมของรัฐบาลอังกฤษ รวมทั้งไม่พอใจการที่อังกฤษเคลื่อนไหวในลักษณะมุ่งบงการอิหร่านมาหลายสิบปีแล้ว นอกจากนั้นเขายังตำหนิการออกแถลงประณามอิหร่านของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นว่า “รีบร้อนเหลือเกิน”
อังกฤษตะเพิดทูตอิหร่านพ้นประเทศภายใน 48
ชม.
จากเหตุสถานทูตถูกบุกรุก
เอเอฟพี -
ทางการอังกฤษประกาศเนรเทศคณะนักการทูตอิหร่านออกจากประเทศภายใน 48 ชั่วโมง
พร้อมทั้งสั่งปิดสถานทูตประจำกรุงเตหะราน วานนี้ (30 พ.ย.)
หลังเกิดเหตุผู้ประท้วงอิหร่านบุกรุกสถานทูตอังกฤษ รื้อทำลาย และเผาธงยูเนียนแจ๊ก
เนื่องจากโกรธแค้นที่ถูกดำเนินมาตรการประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่
ว่าด้วยเรื่องโครงการนิวเคลียร์
อิหร่านออกโรงเตือนรัฐบาลอังกฤษให้คำนึงถึงปฏิกิริยาสะท้อน และเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป “อย่า” ดำเนินรอยตามอังกฤษ แม้มีหลายชาติ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ เรียกทูตประจำกรุงเตหะรานเข้าหารือแล้วก็ตาม
วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวหารัฐบาลอิหร่านหนุนหลังกลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคนโดยมีนัยสำคัญ ให้ก่อเหตุรุกรานสถานทูตอังกฤษประจำกรุงเตหะราน เมื่อวันอังคาร (29 พ.ย.) ทว่า อังกฤษจะยังไม่ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน
ด้วยเสียงปลุกเร้าจาก ส.ส.เฮกลุกขึ้นแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาอังกฤษวานนี้ ว่า เขาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สถานทูตอิหร่านประจำกรุงลอนดอน เดินทางออกจากแผ่นดินเมืองผู้ดีภายใน 48 ชั่วโมง และให้ปิดสถานทูตอิหร่านในทันที
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อังกฤษก็ได้รับการนำตัวออกจากสถานทูตอังกฤษประจำกรุงเตหะราน เพื่อความปลอดภัย และมีคำสั่งปิดสถานทูตดังกล่าวในอิหร่านแล้วเช่นกัน
หนังสือพิมพ์อังกฤษฉบับวันนี้ (1 ธ.ค.) ทุกสำนักล้วนให้การสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาล
“เมื่อทูตอังกฤษไม่ได้รับความปลอดภัยในอิหร่าน ทูตอิหร่านก็ไม่ควรได้รับการต้อนรับที่นี่” บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ไทม์ส ระบุ ส่วนอีกหนึ่งตัวอย่าง เช่น หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟที่เรียกร้องให้สหภาพยุโรป “ยืนเคียงข้างอังกฤษ บังคับใช้มาตรการลงโทษที่แข็งกร้าวต่อกรุงเตหะราน”
ทั้งนี้ การประท้วงเมื่อวันอังคารปะทุขึ้นหลังจากรัฐบาลอังกฤษ ร่วมกับสหรัฐฯ และแคนาดา ประกาศบทลงโทษอิหร่านรอบใหม่ โดยระงับการติดต่อทางธุรกิจกับองค์กรของอิหร่าน เช่น แบงก์ชาติ อันเป็นผลมาจากโครงการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ที่นานาชาติกล่าวหาว่า อิหร่านใช้เป็นฉากบังหน้าเพื่อลอบพัฒนาอาวุธ
กลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้าสถานทูตอังกฤษ ฉีกธงยูเนียนแจ๊ก ทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เผาเอกสารราชการ และกักขังหน่วงเหนี่ยวนักการทูตอังกฤษ 6 คน ขณะที่ช่วงแรกๆ ดูเหมือนตำรวจอิหร่านไม่ได้ดำเนินมาตรการปกป้องสถานทูตอังกฤษเท่าที่ควร ก่อนมีการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม เมื่อเหตุการณ์บานปลายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ยืนยันกลางรัฐสภา ว่า อังกฤษไม่มีเจตนาทำลายความสัมพันธ์กับอิหร่าน “มาตรการนี้เป็นการลดความสัมพันธ์เป็นระดับต่ำสุด แต่ยังรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตไว้ต่อไป”
อิหร่านออกโรงเตือนรัฐบาลอังกฤษให้คำนึงถึงปฏิกิริยาสะท้อน และเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป “อย่า” ดำเนินรอยตามอังกฤษ แม้มีหลายชาติ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ เรียกทูตประจำกรุงเตหะรานเข้าหารือแล้วก็ตาม
วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวหารัฐบาลอิหร่านหนุนหลังกลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคนโดยมีนัยสำคัญ ให้ก่อเหตุรุกรานสถานทูตอังกฤษประจำกรุงเตหะราน เมื่อวันอังคาร (29 พ.ย.) ทว่า อังกฤษจะยังไม่ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน
ด้วยเสียงปลุกเร้าจาก ส.ส.เฮกลุกขึ้นแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาอังกฤษวานนี้ ว่า เขาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สถานทูตอิหร่านประจำกรุงลอนดอน เดินทางออกจากแผ่นดินเมืองผู้ดีภายใน 48 ชั่วโมง และให้ปิดสถานทูตอิหร่านในทันที
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อังกฤษก็ได้รับการนำตัวออกจากสถานทูตอังกฤษประจำกรุงเตหะราน เพื่อความปลอดภัย และมีคำสั่งปิดสถานทูตดังกล่าวในอิหร่านแล้วเช่นกัน
หนังสือพิมพ์อังกฤษฉบับวันนี้ (1 ธ.ค.) ทุกสำนักล้วนให้การสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาล
“เมื่อทูตอังกฤษไม่ได้รับความปลอดภัยในอิหร่าน ทูตอิหร่านก็ไม่ควรได้รับการต้อนรับที่นี่” บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ไทม์ส ระบุ ส่วนอีกหนึ่งตัวอย่าง เช่น หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟที่เรียกร้องให้สหภาพยุโรป “ยืนเคียงข้างอังกฤษ บังคับใช้มาตรการลงโทษที่แข็งกร้าวต่อกรุงเตหะราน”
ทั้งนี้ การประท้วงเมื่อวันอังคารปะทุขึ้นหลังจากรัฐบาลอังกฤษ ร่วมกับสหรัฐฯ และแคนาดา ประกาศบทลงโทษอิหร่านรอบใหม่ โดยระงับการติดต่อทางธุรกิจกับองค์กรของอิหร่าน เช่น แบงก์ชาติ อันเป็นผลมาจากโครงการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ที่นานาชาติกล่าวหาว่า อิหร่านใช้เป็นฉากบังหน้าเพื่อลอบพัฒนาอาวุธ
กลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้าสถานทูตอังกฤษ ฉีกธงยูเนียนแจ๊ก ทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เผาเอกสารราชการ และกักขังหน่วงเหนี่ยวนักการทูตอังกฤษ 6 คน ขณะที่ช่วงแรกๆ ดูเหมือนตำรวจอิหร่านไม่ได้ดำเนินมาตรการปกป้องสถานทูตอังกฤษเท่าที่ควร ก่อนมีการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม เมื่อเหตุการณ์บานปลายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ยืนยันกลางรัฐสภา ว่า อังกฤษไม่มีเจตนาทำลายความสัมพันธ์กับอิหร่าน “มาตรการนี้เป็นการลดความสัมพันธ์เป็นระดับต่ำสุด แต่ยังรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตไว้ต่อไป”
Iranian diplomats given 48 hours to leave UK after mob attacks on British Embassy in Tehran
ตอบลบWILLIAM HAGUE yesterday refused to rule out military action against Iran after giving the country's diplomats 48 hours to leave the UK.
The Foreign Secretary ordered the closure of the Iranian embassy in London following Tuesday's mob attacks on the British embassy in Tehran.
Former Labour foreign secretary David Miliband said Hague's announcement sounded like the "unwelcome drumbeat of war".
Hague insisted he was not calling for military strikes but admitted: "All options of course are kept on the table."
There is growing speculation that the US or Israel could launch a pre-emptive strike on Iran to stop them getting a nuclear weapon.
In a statement to the Commons, Hague said it was "fanciful" to think that the attacks on the British embassy could have taken place "without some degree of regime consent".
He told MPs that as well as the central Tehran embassy compound, another one in the north of the city had come under attack.
The Foreign Secretary added: "Approximately 200 demonstrators overran the city-centre compound of our embassy in Tehran.
"The majority of demonstrators were from a student Basij militia organisation. We should be clear from that this is an organisation controlled by elements of the Iranian regime."
Hague said the British embassy in the Iranian capital had now been closed.
He added: "If any country makes it impossible for us to operate on their soil they cannot expect to have a functioning embassy here."
The attacks on the compounds came at a time of increased tension between the UK and Iran over the country's nuclear programme.
But Hague warned it would be a "serious mistake" for Iran to think intimidation of embassy staff would persuade the UK to stop calling for the regime to stop its pursuit of nuclear weapons.
Shadow foreign secretary Douglas Alexander said Labour were "clear and unequivocal" in their condemnation of the "deplorable" attacks in Tehran.
David Miliband said the breakdown of relations was a "very sad day".
Shadow foreign secretar Alexander said Labour w and unequivocal" condemnation of the able" attacks in Tehra David Miliband breakdown of relati "very sad day".
But Miliband demanded to know what Hague would do "to ensure that this series of announcements do not become part of the very unwelcome drumbeat of war that has started over the last six weeks in respect of the Iranian nuclear programme?"
.