ราชวงศ์อังกฤษ คือ กลุ่มพระประยูรญาติสนิทของพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร ทั้งยังหมายรวมถึงกลุ่มคนที่มีความสัมพันธ์กับพระมหากษัตริย์ในฐานะพระประมุขแห่งในดินแดนเครือจักรภพ บางครั้งจึงแตกต่างจากคำเรียกทางการในประเทศสำหรับราชวงศ์ สมาชิกในราชวงศ์อยู่ใน หรืออภิเษกสมรสเข้ามาในราชวงศ์วินด์เซอร์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงเปลี่ยนชื่อมาจากราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา เมื่อปี พ.ศ. 2460
ถึงแม้ว่าจะไม่มีคำจำกัดความที่เป็นทางการหรือทางกฎหมายเคร่งครัดว่าผู้ใดเป็นราชวงศ์หรือไม่ และรายนามแตกต่างกันมีบุคคลไม่เหมือนกัน แต่ผู้ที่ถือครองพระอิสริยยศเป็น His หรือ Her Majesty, His หรือ Her Royal Highness หรือ Their Royal Highnesses นั้นโดยทั่วไปแล้วถือเป็นสมาชิกในราชวงศ์ ซึ่งใช้เรียกพระมหากษัตริย์ คู่สมรสของพระมหากษัตริย์ คู่สมรสของกษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้ว พระราชโอรสและพระราชธิดา พระราชนัดดาในสายพระราชโอรส คู่สมรสและคู่สมรสที่เป็นม่ายของพระราชโอรสในพระประมุขและพระราชนัดดาในสายพระราชโอรส
เมื่อปี พ.ศ. 2460 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงมีพระบรมราชโอกาสประกาศว่าพระองค์และเชื้อสายในพระราชโอรสทุกพระองค์จะอยู่ในราชวงศ์วินด์เซอร์ ผู้สืบทอดราชบัลลังก์ของพระองค์ต่อไปยังคงทรงปกครองประเทศอีกสิบหกประเทศ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครือจักรภพ สมาชิกและเครือญาติในราชวงศ์วินด์เซอร์ได้เป็นตัวแทนองค์พระประมุขในประเทศของเครือจักรภพ โดยบางครั้งอยู่ในวาระที่ยืดออกไปของการเป็นอุปราช หรือ ข้าหลวงใหญ่ และบางครั้งเข้าร่วมพิธีการหรืองานเลี้ยงเฉพาะกิจต่างๆ
รายพระนามสมาชิกในราชวงศ์อังกฤษ
- สมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักร
- สมเด็จเจ้าฟ้าชายดยุคแห่งเอดินเบอระ (พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถ)
- สมเด็จเจ้าฟ้าชายแห่งเวลส์ และ เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ (พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระราชินีนาถและพระวรชายา)
- เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์ (พระโอรสพระองค์ใหญ่ในเจ้าฟ้าชายแห่งเวลส์)
- เจ้าชายเฮนรีแห่งเวลส์ (โดยทั่วไปทรงเป็นที่รู้จักว่า "เจ้าชายแฮร์รี" พระโอรสพระองค์ที่สองในเจ้าฟ้าชายแห่งเวลส์)
- สมเด็จเจ้าฟ้าชายดยุคแห่งยอร์ค (พระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถ)
- เจ้าหญิงเบียทริซแห่งยอร์ค (พระธิดาพระองค์ใหญ่ในดยุคแห่งยอร์ค)
- เจ้าหญิงยูจีนีแห่งยอร์ค (พระธิดาพระองค์เล็กในดยุคแห่งยอร์ค)
- สมเด็จเจ้าฟ้าชายเอิร์ล และ เจ้าฟ้าหญิงเคานท์เตสแห่งเวสเซ็กส์ (พระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระราชินีนาถและพระวรชายา)
- ไวส์เคานท์เซเวิร์น (พระโอรสในเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์)
- เลดี้ หลุยส์ วินด์เซอร์ (พระธิดาในเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์)
- สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระวรราชกุมารี (พระราชธิดาในสมเด็จพระราชินีนาถ)
- สมเด็จเจ้าฟ้าชายดยุค และ เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งกลอสเตอร์ (พระญาติชั้นที่หนึ่งในสมเด็จพระราชินีนาถและพระวรชายา)
- สมเด็จเจ้าฟ้าชายดยุค และ เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งเคนต์ (พระญาติชั้นที่หนึ่งในสมเด็จพระราชินีนาถและพระวรชายา)
- สมเด็จเจ้าฟ้าชาย และ เจ้าฟ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์ (พระญาติชั้นที่หนึ่งในสมเด็จพระราชินีนาถและพระวรชายา)
- สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงอเล็กซานดรา เลดี้โอกิลวี (พระญาติชั้นที่หนึ่งในสมเด็จพระราชินีนาถ)
ลำดับพงศาวลีพระบรมวงศานุวงศ์อังกฤษ
เครือญาติและคู่สมรสของสมาชิกในราชวงศ์อังกฤษ
- พลเรือโท ทิโมธี ลอเรนซ์ (พระสวามีคนที่สองในเจ้าฟ้าหญิงพระวรราชกุมารี)
- ปีเตอร์ และ ออทัมน์ ฟิลลิปส์ (พระโอรสในเจ้าฟ้าหญิงพระวรราชกุมารี และภริยา)
- ซาราห์ ฟิลลิปส์ (พระธิดาในเจ้าฟ้าหญิงพระวรราชกุมารี)
- ไวส์เคานท์ลินเลย์ (พระนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถ โดยเป็นพระโอรสในเจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต เคานท์เตสแห่งสโนว์ดอน) ภริยาและบุตรธิดา
- เลดี้ ซาราห์ แช็ตโต (พระนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถ โดยเป็นพระธิดาในเจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต เคานท์เตสแห่งสโนว์ดอน) สามีและบุตรชาย
- เอิร์ล และ เคานท์เตสแห่งอัลส์เตอร์ (พระโอรสและพระสุณิสาในดยุคแห่งกลอสเตอร์) และบุตรชาย
- เลดี้ ดาวินา เดวิส และ นายแกรี เลวิส (พระธิดาในดยุคแห่งกลอสเตอร์ และสามี)
- เลดี้ โรส วินด์เซอร์ และนายจอร์จ กิลแมน (พระธิดาในดยุคแห่งกลอสเตอร์ และสามี)
- เอิร์ล และ เคานท์เตสแห่งเซนต์แอนดรูว์ (พระโอรสพระองค์ใหญ่และพระสุณิสาในดยุคแห่งเคนต์) และบุตรธิดา
- เลดี้ เฮเลน เทเลอร์ (พระธิดาในดยุคแห่งเคนต์)สามี และบุตรชาย
- ลอร์ด นิโคลาส วินด์เซอร์ และ เลดี้ นิโคลาส วินด์เซอร์ (พระโอรสพระองค์เล็กในดยุคแห่งเคนต์ และภริยา)
- ลอร์ด เฟรเดอริค วินด์เซอร์ และ เลดี้ กาเบรียลลา วินด์เซอร์ (พระโอรสและพระธิดาในเจ้าชายไมเคิล)
- เจมส์ และ จูเลีย โอกิลวี (พระโอรสและพระสุณิสาในเจ้าหญิงอเล็กซานดรา) และบุตรธิดา (อเล็กซานเดอร์ โอกิลวี และ ฟลอรา โอกิลวี)
- มารีนา โอกิลวี (พระธิดาในเจ้าหญิงอเล็กซานดรา) และบุตรธิดา (คริสเตียน โมวัตต์ และ เซนูสกา โมวัตต์ ซึ่งเกิดจากอดีตสามี)
เครือญาติในสายอื่นของราชวงศ์อังกฤษ
บุคคลต่อไปนี้เป็นทายาทสืบเชื้อสาย (หรือ เป็นม่าย) ของพระราชโอรสและธิดาพระองค์อื่นของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 และสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5- เอิร์ลแห่งแฮร์วูด (พระราชนัดดาในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ผ่านทางเจ้าหญิงแมรี พระวรราชกุมารี พระราชธิดา) ภริยาคนที่สอง บุตรชาย และหลาน รวมไปถึงบุตรชายและหลานของน้องชายซึ่งได้ถึงแก่กรรมไปแล้วคือ เจอรัลด์ ลาสเซลส์
- ดยุคแห่งไฟฟ์ (พระราชปนัดดาในสายพระราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7) บุตรธิดาและหลาน
- เลดี้ซัลทูน (ภริยาหม้ายของอเล็กซานเดอร์ แรมเซย์แห่งมาร์ พระนัดดาในสายพระธิดาของเจ้าชายอาร์เธอร์ ดยุคแห่งคอนน็อตและสแตรเธิร์น พระราชโอรสพระองค์ที่สามในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย) บุตรีและหลาน
- มาร์ควิสแห่งมิลด์ฟอร์ดฮาเว็น (หลานชายของจอร์จ เมานท์แบ็ตเต็น มาร์ควิสที่ 2 แห่งมิลด์ฟอร์ดฮาเว็นและพระปนัดดาในเจ้าหญิงวิกตอเรียแห่งเฮสส์และไรน์ พระธิดาองค์ใหญ่ในเจ้าฟ้าหญิงอลิซ แกรนด์ดัชเชสพระชายาแห่งเฮสส์และไรน์ พระราชธิดาพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย) และครอบครัว
- เคานท์เตสเมานท์แบ็ตเต็นแห่งพม่า (ธิดาองค์โตในหลุยส์ เมานท์แบ็ตเต็น เอิร์ลเมานท์แบ็ตเต็นที่ 1 แห่งพม่า พระโอรสองค์เล็กในเจ้าหญิงวิกตอเรียแห่งเฮสส์ และไรน์ และครอบครัว
บุคคลเหล่านี้ไม่ได้รับเงินเบี้ยหวัดจากรัฐบาลหรือปฏิบัติพระราชภารกิจทางการแทนสมเด็จพระราชินีนาถ แต่กระนั้นสมเด็จพระราชินีนาถได้ทรงเชิญให้มางานเลี้ยงส่วนพระองค์ในราชวงศ์และเข้าร่วมในวโรกาสเป็นทางการต่างๆ ดังเช่น พิธีสวนสนาม งานเฉลิมฉลองพระราชพิธีกาญจนาภิเษก และงานพระศพแบบรัฐพิธีหรือราชพิธี
อดีตคู่สมรสของสมาชิกในราชวงศ์อังกฤษที่ยังมีชีวิตอยู่มีจำนวน 3 คน คือ
- ซาราห์ ดัชเชสแห่งยอร์ค (อดีตพระชายาในดยุคแห่งยอร์ค)
- ร้อยเอก มาร์ค ฟิลลิปส์ (อดีตพระสวามีในเจ้าฟ้าหญิงพระวรราชกุมารี)
- เอิร์ลแห่งสโนว์ดอน (อดีตพระสวามีในเจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต)
- สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระบรมราชชนนี (พระราชินีม่ายในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 และพระราชชนนีในสมเด็จพระราชินีนาถ)
- เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต เคานท์เตสแห่งสโนว์ดอน (พระขนิษฐาในสมเด็จพระราชินีนาถ)
- เจ้าฟ้าหญิงอลิซ ดัชเชสแห่งกลอสเตอร์ (พระชายาในเจ้าชายเฮนรี ดยุคแห่งกลอสเตอร์ และพระชนนีในดยุคแห่งกลอสเตอร์องค์ปัจจุบัน)
เครือจักรภพอังกฤษ
นอกเหนือไปจากสหราชอาณาจักร สมเด็จพระราชินีนาถและสมาชิกพระองค์อื่นของราชวงศ์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอยู่เป็นประจำในกลุ่มประเทศเครือจักรภพอีกสิบห้าประเทศ ซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ เมื่อราชบัลลังก์ภายในประเทศเหล่านี้แยกออกจากราชบัลลังก์ของสหราชอาณาจักรอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จะให้เงินทุนสนับสนุนประเทศเหล่านี้แยกจำเพาะเป็นรายประเทศ โดยผ่านกระบวนการจัดสรรงบประมาณทางนิติบัญญัติมาตรฐาน เงินทุนที่จัดสรรให้ส่วนใหญ่แล้วจะสนับสนุนภารกิจการงานของตัวแทนของพระประมุขในประเทศนั้นๆ ซึ่งเรียกว่า ข้าหลวงใหญ่ ผู้ว่าการ และผู้ช่วยผู้ว่าการ แม้ว่าเงินบางส่วนจะใช้ในการเยือนอย่างเป็นทางการต่างๆพระอิสริยยศ และ ฐานันดรศักดิ์
พระอิสริยยศในชั้น His หรือ Her Majesty (HM) ใช้กับสมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินีนาถ สมเด็จพระราชินี และอดีตสมเด็จพระราชินี (สมเด็จพระพันปี หรือ สมเด็จพระบรมราชชนนี)
การใช้พระอิสริยยศ His หรือ Her Royal Highness (HRH) และฐานันดรศักดิ์เจ้าชายและเจ้าหญิงมีผลจากพระราชหัตถเลขาที่ออกโดยสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2460 และตีพิมพ์ลงในหนังสือราชกิจจานุเบกษาลอนดอนในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2460 พระราชหัตถเลขากล่าวว่านับแต่นี้ต่อไปพระราชโอรสธิดาในพระประมุข พระโอรสธิดาในพระราชโอรสของพระประมุข พระโอรสองค์โตของพระโอรสองค์โตของเจ้าชายแห่งเวลส์ "จะถือครองโดยตลอดพระอิสริยยศ อิสริยศักดิ์ และคุณสมบัติชั้น Royal Highness พร้อมกับฐานันดรศักดิ์เจ้าชายและเจ้าหญิงนำมาก่อนหน้าพระนามทางศาสนาคริสต์หรือบรรดาศักดิ์ประดับเกียรติ" และยังต่อไปอีกว่า "พระราชนัดดาของพระประมุขผ่านทางพระราชโอรสสายตรง (ยกเว้นพระโอรสองค์โตของพระโอรสองค์ใหญ่ในเจ้าชายแห่งเวลส์) จะมีพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์ของบุตรและธิดาของดยุค"
ภายใต้ธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าว พระราชโอรสธิดาในสมเด็จพระราชินีนาถและพระโอรสธิดาในเจ้าชายแห่งเวลส์ ดยุคแห่งยอร์ค และเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ จึงทรงดำรงฐานันดรศักดิ์เจ้าชายหรือเจ้าหญิง และมีพระอิสริยยศ Royal Highness แต่กระนั้นในการอภิเษกสมรสของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดในปี พ.ศ. 2542 ได้มีการประกาศว่าพระโอรสและธิดาของพระองค์จะมีฐานันดรศักดิ์เทียบเท่ากับบุตรีของเอิร์ล แต่ยังไม่มีพระราชหัตถเลขาออกมารับรอง ดยุคแห่งกลอสเตอร์ ดยุคแห่งเคนต์ เจ้าฟ้าหญิงอเล็กซานดรา เลดี้โอกิลวี และ เจ้าชายไมเคิลแห่งเคนต์ ทรงดำรงฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงพร้อมทั้งพระอิสริยยศ Royal Highness ในฐานะพระราชนัดดาผ่านทางสายพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แต่อย่างไรก็ตาม พระโอรสและธิดาของทุกพระองค์ไม่ทรงมีฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์อะไรเลย เช่น พระโอรสและธิดาของเจ้าชายไมเคิลจะเป็นเพียง ลอร์ด เฟรเดอริค วินด์เซอร์ และ เลดี้ กาเบรียลลา วินด์เซอร์ ตามฐานันดรศักดิ์ของบุตรธิดาของดยุค ไม่มีการแต่งตั้งฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์ พระโอรสธิดาของเจ้าฟ้าหญิงพระวรราชกุมารี เจ้าหญิงอเล็กซานดรา และ เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต เคานท์เตสแห่งสโนว์ดอน ไม่มีฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์เนื่องจากเจ้าหญิงไม่สามารถส่งผ่านฐานันดรศักดิ์ไปสู่พระโอรสและธิดา แต่มีข้อยกเว้นเกิดขึ้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ทรงมีพระราชหัตถเลขาให้เจ้าหญิงเอลิซาเบธ รัชทายาทโดยนิตินัยส่งผ่านฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์สู่พระโอรสและธิดาได้ พระโอรสในเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตดำรงฐานันดรศักดิ์ไวส์เคานท์ลินเลย์ในฐานะบุตรชายและทายาทของเอิร์ลแห่งสโนว์ดอน ในขณะที่พระธิดาดำรงฐานันดรศักดิ์เลดี้ พระโอรสธิดาในเจ้าฟ้าหญิงวรราชกุมารีและเจ้าหญิงอเล็กซานดราไม่มีฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์เลย เนื่องมาจากว่ามาร์ค ฟิลลิปส์และ เซอร์ แองกัส โอกิลวี ไม่ได้ขอรับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ขุนนางในวันอภิเษกสมรส
หญิงสาวที่แต่งงานกับพระราชโอรสหรือพระราชนัดดาในสายพระราชโอรสของพระประมุขจะดำรงพระอิสริยยศเป็น Her Royal Highness แล้วก็ตามด้วยรูปแบบที่เปลี่ยนเป็นเพศหญิงของฐานันดรศักดิ์อันสูงสุดของพระสวามี ดังนั้นพระชายาของขุนนางในทางราชวงศ์จึงเป็นที่รู้จักกันว่า "เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่ง......." หรือ "เจ้าฟ้าหญิงเคานท์เตสแห่ง......." เพราะฉะนั้นพระชายาของดยุคแห่งเคนต์ ดยุคแห่งกลอสเตอร์ และเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ก็คือ "เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งเคนต์" "เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งกลอสเตอร์" และ "เจ้าฟ้าหญิงเคานท์เตสแห่งเวสเซ็กส์" เป็นลำดับ ก่อนการหย่าร้าง ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ได้ทรงดำรงพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์เป็น "เจ้าฟ้าหญิงแห่งเวลส์" อย่างไรก็ตาม เมื่อหญิงสาวแต่งงานกับบุคคลที่ไม่ได้มีบรรดาศักดิ์ขุนนางก็จะเป็นที่รู้จักว่า เจ้าฟ้าหญิง (พระนามทางศาสนาคริสต์ของพระสวามี) แล้วตามด้วยราชทินนามเกี่ยวกับดินแดนหรือทางฐานันดรศักดิ์นั้น ดังเช่น บารอนเนส มารี-คริสตีน ฟอน ไรบ์นิตซ์ ดำรงพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์ "เจ้าฟ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์" และไม่ใช่ "เจ้าฟ้าหญิงมารี-คริสตีนแห่งเคนต์" เช่นเดียวกันคือ บริจิตต์ อีวา ฟาน ดอยรส์ ดำรงพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์ "เจ้าฟ้าหญิงริชาร์ดแห่งกลอสเตอร์" หลังจากการอภิเษกสมรสจนกระทั่งถึงการสืบทอดตำแหน่งดยุคต่อจากพระชนกของพระสวามีในปี พ.ศ. 2517 พระชายาม่ายของเจ้าชายยังคงดำรงพระอิสริยยศเจ้าฟ้า หรือ HRH แต่กระนั้นตามพระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ลงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2539 พระชายาที่หย่าขาดจากเจ้าชายแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ "จะไม่มีสิทธิที่จะถือครองหรือดำรงพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์ และคุณสมบัติของ Royal Highness"
นอกจากนั้นยังมีการยกเว้นในเรื่องของข้อปฏิบัติซึ่งพระชายาของเจ้าชายต้องดำรงพระอิสริยยศของพระสวามี ในพระราชหัตถเลขาลงวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ไม่ทรงยอมรับพระอิสริยยศเจ้าฟ้าแก่พระชายาของดยุคแห่งวินด์เซอร์ ซึ่งทรงเป็นอดีตสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ดังเช่นนั้นนางวอลลิส วอร์ฟิลด์ ซิมป์สัน จึงเป็นที่รู้จักว่า "ดัชเชสแห่งวินด์เซอร์" (Her Grace The Duchess of Windsor) ไม่ใช่ "เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งวินด์เซอร์"
ยังเป็นที่สังเกตอีกอย่างหนึ่งว่าเนื่องจากความลังเลของสาธารณชนในการยอมรับกันถ้วนหน้าต่อพระชายาองค์ที่สองในเจ้าชายแห่งเวลส์ จึงมีประกาศจากตำหนักคลาเรนซ์ว่าถ้าเจ้าชายแห่งเวลส์เสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ เจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ พระชายาจะไม่ได้เป็นสมเด็จพระราชินี แต่มีฐานันดรศักดิ์รองลงมาคือ เจ้าฟ้าหญิงพระวรราชชายา นอกจากความเคารพต่อไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ผู้ล่วงลับ ยังได้มีประกาศอีกว่าเจ้าฟ้าหญิงดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์จะไม่ได้เป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ด้วย
พระราชธิดาและพระราชนัดดาผู้หญิงในสายพระราชโอรสของพระประมุขจะไม่ทรงสูญเสียฐานันดรศักดิ์ทางราชวงศ์ไปในการอภิเษกสมรส บุรุษซึ่งสมรสกับพระราชธิดาและพระราชนัดดาผู้หญิงในสายพระราชโอรสของพระประมุข จะไม่ได้รับศักดินาทางราชวงศ์และพระอิสริยยศเจ้าฟ้าจากภรรยา มีข้อยกเว้นเดียวของธรรมเนียมปฏิบัตินี้คือ เจ้าชายฟิลิป ซึ่งประสูติเป็นเจ้าชายแห่งกรีซและเดนมาร์ก และหลังจากสิ้นสุดสงครามเพียงไม่นานจึงได้ทรงสละฐานันดรศักดิ์และเป็นชาวอังกฤษที่แปลงสัญชาติในฐานะเรือโท ฟิลิป เมานท์แบ็ตเต็น ร.น. (แม้ว่าจะทรงเป็นชาวอังกฤษอยู่แล้วในฐานะเชื้อสายพระองค์หนึ่งในเจ้าหญิงโซเฟีย) ในวันก่อนการอภิเษกสมรส พระองค์ทรงได้รับการสถาปนาให้เป็นดยุคแห่งเอดินเบอระ พร้อมกับพระอิสริยยศเจ้าฟ้าจากพระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 แต่ก็ยังไม่ได้ทรงเป็นเจ้าชายแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือจนกระทั่งวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นับแต่วันนั้นฐานันดรศักดิ์แบบเต็มของพระองค์คือ "เจ้าฟ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินเบอระ"
ในฐานะพระราชนัดดาของพระประมุขผ่านทางพระราชธิดา พระโอรสและธิดาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธและดยุคแห่งเอดินเบอระจะไม่มีสิทธิใช้พระอิสริยยศเจ้าฟ้าและฐานันดรศักดิ์เจ้าชายหรือเจ้าหญิงแห่งสหราชอาณาจักรจนกระทั่งพระชนนีเสวยราชสมบัติเป็นสมเด็จพระราชินีนาถ หากพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์เหล่านั้นไม่ได้รับพระราชทานจากพระราชหัตถเลขาจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ลงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2491 นอกจากนั้นยังไม่สามารถดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าฟ้าชายและเจ้าฟ้าหญิงแห่งกรีซและเดนมาร์กผ่านทางพระชนกได้ เพราะว่าดยุคแห่งเอดินเบอระ พระชนกได้ทรงสละพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์ไปแล้ว
บรรดาศักดิ์ขุนนาง
พระมเหสีของพระประมุขโดยทั่วไปแล้วจะไม่ได้ทรงรับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ขุนนาง แต่ได้มีข้อยกเว้นอันน่าจดจำเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2075 เมื่อสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงสถาปนาแอนน์ โบลีนเป็นมาร์ชเนสแห่งเพมโบรคก่อนการอภิเษกสมรส แต่กระนั้น ในบางครั้งเจ้าชายพระราชสวามีจะได้รับพระราชทานตำแหน่งดยุค พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ ทรงเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งสเปนอยู่แต่ก่อนแล้ว และพระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีแมรีที่ 2 นั้นทรงเป็นพระประมุขร่วมกันในประเทศอังกฤษ ดังนั้นจึงไม่มีพระองค์ใดมีศักดินาขุนนาง เจ้าชายจอร์จแห่งเดนมาร์ก พระสวามีในเจ้าหญิงแอนน์ (ต่อมาเสวยราชสมบัติเป็น สมเด็จพระราชินีนาถแอนน์) ทรงได้รับการสถาปนาให้มีฐานันดรศักดิ์ดยุคแห่งคัมเบอร์แลนด์เมื่อปี พ.ศ. 2226 เจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา ซึ่งเป็นพระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ทรงได้รับพระราชทานพระอิสริยยศชั้นเจ้าฟ้าก่อนการอภิเษกสมรส ต่อมาในปี พ.ศ. 2400 สมเด็จพระราชินีนาถทรงสถาปนาเจ้าชายเป็นเจ้าชายพระราชสวามี แต่กระนั้นพระองค์ไม่ได้ทรงมีบรรดาศักดิ์ขุนนางของอังกฤษ ส่วนเจ้าชายฟิลิป พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถองค์ปัจจุบันทรงได้รับการสถาปนาเป็นดยุคแห่งเอดินเบอระและได้รับพระราชทานพระอิสริยยศชั้นเจ้าฟ้าในวันก่อนการอภิเษกสมรส (ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการเสวยราชสมบัติของสมเด็จพระราชินีนาถ)
โดยปกติแล้ว พระราชโอรสของพระประมุขทรงได้รับศักดินาขุนนางเพื่อแสดงถึงการเจริญพระชนม์สู่วัยผู้ใหญ่หรือการอภิเษกสมรส แต่เดิมพระราชโอรสพระองค์รองลงไปของพระประมุขจะไม่ได้ทรงรับพระราชทานฐานันดรศักดิ์เจ้าชาย (ยกเว้นก็แต่ เจ้าชายแห่งเวลส์) ดังนั้นเพื่อเป็นการชี้ให้เห็นถึงตำแหน่งอันสูงส่ง จึงทรงได้รับมอบศักดินาขุนนางแทน ตั้งแต่รัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 พระราชโอรสเกือบทุกพระองค์ในพระประมุขที่ทรงเจริญพระชนม์จนเป็นผู้ใหญ่จะเป็นดยุคทั้งสิ้น ตำแหน่งดยุคบางตำแหน่งจะถูกพระราชทานบ่อยครั้งมากกว่าตำแหน่งดยุคอื่นๆ รวมถึง ดยุคแห่งยอร์ค ออลบานี และ คลาเรนซ์ โดยทั่วไปแล้วเมื่อได้มอบบรรดาศักดิ์ขุนนางให้แก่สมาชิกของราชวงศ์พระองค์หนึ่งแล้วจะมอบให้แก่บุคคลอื่นนอกราชวงศ์หลังจากนั้นอีกไม่ได้ (ถึงแม้ว่าจะมีข้อยกเว้นบางอย่างเกิดขึ้นก็ตาม)
ตำแหน่งดยุคแห่งยอร์คโดยทั่วไปจะแต่งตั้งให้กับพระราชโอรสพระองค์ที่สองของพระประมุข การแต่งตั้งครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1927 และรวมเข้ากับราชบัลลังก์ในปี พ.ศ. 2026 ดยุคทุกพระองค์หลังจากนั้นมีทั้งสิ้นพระชนม์โดยปราศจากทายาทหรือเสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ ฉะนั้นตำแหน่งจึงมิได้ออกไปนอกราชวงศ์ รูปแบบการพระราชทานตำแหน่งดยุคให้พระราชโอรสพระองค์ที่สองในพระประมุขเป็นที่ไม่พอพระทัยแก่สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 1 ซึ่งได้พระราชทานตำแหน่งดยุคแห่งยอร์คและออลบานีให้พระอนุชา สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 พระราชทานตำแหน่งดยุคแห่งยอร์คและออลบานีนี้อีกกับพระราชโอรสพระองค์ที่สองซึ่งได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนพระองค์ ตำแหน่งดยุคแห่งยอร์คและออลบานีได้มีบทบาทอีกเป็นครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2327 เมื่อสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 พระราชทานตำแหน่งนี้ให้แก่พระราชโอรสพระองค์ที่สอง นับแต่นั้นมาตำแหน่งดยุคก็ได้มีการตั้งชื่อเป็น ยอร์ค มากกว่า ยอร์คและออลบานี ดยุคแห่งยอร์คพระองค์ปัจจุบันคือ เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์ พระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
ตำแหน่งดยุคแห่งออลบานีแสดงบทบาทที่คล้ายคลึงกันกับดยุคแห่งยอร์คในประเทศสก็อตแลนด์ ตำแหน่งดยุคได้รับการแต่งตั้งครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 1941 แก่โรเบิร์ต สจ๊วร์ต พระอนุชาในสมเด็จพระเจ้าโรเบิร์ตที่ 3 ถึงเป็นตำแหน่งดยุคเพียงหนึ่งเดียวนอกเหนือไปจากตำแหน่งดยุคแห่งโรธเซย์ในเวลานั้น มีการแต่งตั้งตำแหน่งดยุคดังกล่าวอีกสามครั้งในประเทศสก็อตแลนด์ โดยสองครั้งแก่พระราชโอรสพระองค์ที่สองของพระประมุข และอีกหนึ่งครั้งแก่พระอนุชาในพระประมุข ตำแหน่งดยุคแห่งออลบานีได้ถูกแต่งตั้งเป็นครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2424 ให้แก่พระราชโอรสพระองค์ที่สี่ในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย และจากนั้นถูกระงับไปภายใต้พระราชบัญญัติการถอดถอนพระอิสริยยศหลังจากที่ผู้ถือครองตำแหน่งนี้ได้ต่อสู้ในฝ้ายเยอรมันช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1
นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งดยุคอื่นๆ ที่ได้นำมาใช้กับสมาชิกของราชวงศ์ คลาเรนซ์ได้ถูกนำมาใช้เป็นตำแหน่งดยุคเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 1905 โดยมากจะพระราชทานให้แก่พระราชโอรสพระองค์ที่สามของพระประมุข ตำแหน่งดยุคที่พระราชทานแก่พระโอรสพระองค์รองของพระประมุข ได้แก่ ออเมล แคมบริดจ์ คอนน็อต คัมเบอร์แลนด์ เอดินเบอระ กลอสเตอร์ เคนต์ และซัสเซ็กส์ ตำแหน่งดยุคบางประเภทจะใช้กับพระอนุชา พระราชนัดดาผู้ชาย และพระญาติผู้ชายของพระประมุข ตำแหน่งดยุคแห่งวินด์เซอร์เป็นตำแหน่งดยุคทางราชวงศ์เช่นกัน โดยแต่งตั้งให้แก่สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 หลังจากการสละราชสมบัติของพระองค์เพื่อที่จะอภิเษกสมรสอันขัดต่อข้อบัญญัติของศาสนาจักรแห่งอังกฤษ
พระราชโอรสในพระประมุขบ่อยครั้งทรงได้รับพระราชทานฐานันดรศักดิ์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศอังกฤษและสก็อตแลนด์ ต่อมากับไอร์แลนด์ และกับเวลส์เมื่อไม่นานมานี้ เพราะฉะนั้นตำแหน่งดยุคแห่งสแตรเธิร์น (ที่ตั้งชื่อตามสถานที่หนึ่งในสก็อตแลนด์) ได้นำมาใช้ควบคู่กับตำแหน่งดยุคแห่งคอนน็อต (ที่ตั้งชื่อตามมณฑลหนึ่งของไอร์แลนด์) เคนต์และคัมเบอร์แลนด์ (ที่ตั้งตามสถานที่ในประเทศอังกฤษ) รูปแบบเช่นนี้ยังคงใช้กับราชวงศ์ในปัจจุบัน ดังเช่น ดยุคแห่งยอร์ค พระองค์ปัจจุบัน ทรงเป็นทั้งเอิร์ลแห่งอินเวอร์เนสและบารอนคิลลีเลียฟ ฐานันดรศักดิ์รองที่เกี่ยวข้องกับประเทศสก็อตแลนด์และไอร์แลนด์ตามลำดับอีกด้วย
ธรรมเนียมปฏิบัติในการพระราชทานตำแหน่งดยุคให้แก่สมาชิกอาวุโสของราชวงศ์สิ้นสุดลงเมื่อไม่นานในปี พ.ศ. 2542 เมื่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงได้รับการสถาปนาเป็นเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ ตำแหน่งเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์มิเคยมีการแต่งตั้งจากประมุขของอังกฤษและบริเตนใหญ่มาก่อนนับแต่ปี พ.ศ. 1609 (ค.ศ. 1066) กล่าวกันว่าตำแหน่งดยุคแห่งเอดินเบอระจะพระราชทานให้แก่เอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ แต่กระนั้นตำแหน่งดยุคดังกล่าวจะตกทอดสู่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ ไม่ใช่ของเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ เมื่อเจ้าชายแห่งเวลส์เสวยราชสมบัติเป็นพระประมุข หรือทรงเป็นพระประมุขแล้วเมื่อตำแหน่งดยุคตกทอดสู่พระองค์ ตำแหน่งนั้นจะรวมเข้ากับราชบัลลังก์และเพียงแต่รอการพระราชทานใหม่อีกครั้ง
ฐานันดรศักดิ์ขุนนางสูงสุดอันเป็นของเจ้าชายอาจสามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งในพระอิสริยยศของพระโอรสและธิดาในเจ้าชายพระองค์นั้น ดังนั้นพระโอรสใน เจ้าชายแห่งเวลส์เป็น เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์และเจ้าชายแฮร์รีแห่งเวลส์ พระธิดาในดยุคแห่งยอร์คเป็น เจ้าหญิงเบียทริซแห่งยอร์คและเจ้าหญิงยูจีนีแห่งยอร์ค พระธิดาในเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์เป็น เจ้าหญิงหลุยส์แห่งเวสเซ็กส์ (ในกรณีอันสุดท้ายนี้ โดยทั่วไปแล้วเจ้าหญิงทรงได้รับการเรียกขานเพียงแค่เลดี้ หลุยส์ วินด์เซอร์ ตามความประสงค์ของพระชนกและชนนี แต่โดยทางการแล้วยังคงทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าหญิงอยู่)
พระประมุขส่วนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 บางครั้งพระราชทานฐานันดรศักดิ์ขุนนางให้แก่พระโอรสนอกกฎหมาย โดยคนแรกคือ เจมส์ สก็อตต์ ซึ่งเป็นดยุคแห่งมอนเมาธ์ในปี พ.ศ. 2209 ตามมาด้วยการแต่งตั้งอีกหลายครั้งในทศวรรษ 2413 โดยส่วนมาเป็นตำแหน่งเอิร์ล เช่น ชาร์ลส์ ฟิตซ์ชาร์ลส์ เป็นเอิร์ลแห่งพลีมัธ ชาร์ลส์ ฟิตซ์รอย เป็นดยุคแห่งเซาแธมป์ตัน เฮนรี ฟิตซ์รอย เป็นเอิร์ลแห่งอูสตัน จอร์จ ฟิตซ์รอย เป็นเอิร์ลแห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์ ชาร์ลส์ โบเคลิร์ก เป็นเอิร์ลแห่งเบอร์ฟอร์ด และ ชาร์ลส์ เลนน็อกซ์ เป็นดยุคแห่งริชมอนด์และเลนน็อกซ์ เอิร์ลจำนวนมากมายซึ่งเป็นพระโอรสนอกกฎหมายของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นดยุค ในบรรดาดยุคสมัยปัจจุบัน ก็มีเชื้อสายจำนวนสี่สายผ่านทางบุตรชายของพระโอรสนอกกฎหมายในสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ได้แก่ ดยุคแห่งริชมอนด์ เลนน็อกซ์ และกอร์ดอน ดยุคแห่งบักเคลิชและควีนส์เบอร์รี่ ดยุคแห่งแกรฟตัน และดยุคแห่งเซนต์อัลบันส์
โดยปกติแล้ว พระราชโอรสของพระประมุขทรงได้รับศักดินาขุนนางเพื่อแสดงถึงการเจริญพระชนม์สู่วัยผู้ใหญ่หรือการอภิเษกสมรส แต่เดิมพระราชโอรสพระองค์รองลงไปของพระประมุขจะไม่ได้ทรงรับพระราชทานฐานันดรศักดิ์เจ้าชาย (ยกเว้นก็แต่ เจ้าชายแห่งเวลส์) ดังนั้นเพื่อเป็นการชี้ให้เห็นถึงตำแหน่งอันสูงส่ง จึงทรงได้รับมอบศักดินาขุนนางแทน ตั้งแต่รัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 พระราชโอรสเกือบทุกพระองค์ในพระประมุขที่ทรงเจริญพระชนม์จนเป็นผู้ใหญ่จะเป็นดยุคทั้งสิ้น ตำแหน่งดยุคบางตำแหน่งจะถูกพระราชทานบ่อยครั้งมากกว่าตำแหน่งดยุคอื่นๆ รวมถึง ดยุคแห่งยอร์ค ออลบานี และ คลาเรนซ์ โดยทั่วไปแล้วเมื่อได้มอบบรรดาศักดิ์ขุนนางให้แก่สมาชิกของราชวงศ์พระองค์หนึ่งแล้วจะมอบให้แก่บุคคลอื่นนอกราชวงศ์หลังจากนั้นอีกไม่ได้ (ถึงแม้ว่าจะมีข้อยกเว้นบางอย่างเกิดขึ้นก็ตาม)
ตำแหน่งดยุคแห่งยอร์คโดยทั่วไปจะแต่งตั้งให้กับพระราชโอรสพระองค์ที่สองของพระประมุข การแต่งตั้งครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1927 และรวมเข้ากับราชบัลลังก์ในปี พ.ศ. 2026 ดยุคทุกพระองค์หลังจากนั้นมีทั้งสิ้นพระชนม์โดยปราศจากทายาทหรือเสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ ฉะนั้นตำแหน่งจึงมิได้ออกไปนอกราชวงศ์ รูปแบบการพระราชทานตำแหน่งดยุคให้พระราชโอรสพระองค์ที่สองในพระประมุขเป็นที่ไม่พอพระทัยแก่สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 1 ซึ่งได้พระราชทานตำแหน่งดยุคแห่งยอร์คและออลบานีให้พระอนุชา สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 พระราชทานตำแหน่งดยุคแห่งยอร์คและออลบานีนี้อีกกับพระราชโอรสพระองค์ที่สองซึ่งได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนพระองค์ ตำแหน่งดยุคแห่งยอร์คและออลบานีได้มีบทบาทอีกเป็นครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2327 เมื่อสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 พระราชทานตำแหน่งนี้ให้แก่พระราชโอรสพระองค์ที่สอง นับแต่นั้นมาตำแหน่งดยุคก็ได้มีการตั้งชื่อเป็น ยอร์ค มากกว่า ยอร์คและออลบานี ดยุคแห่งยอร์คพระองค์ปัจจุบันคือ เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์ พระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
ตำแหน่งดยุคแห่งออลบานีแสดงบทบาทที่คล้ายคลึงกันกับดยุคแห่งยอร์คในประเทศสก็อตแลนด์ ตำแหน่งดยุคได้รับการแต่งตั้งครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 1941 แก่โรเบิร์ต สจ๊วร์ต พระอนุชาในสมเด็จพระเจ้าโรเบิร์ตที่ 3 ถึงเป็นตำแหน่งดยุคเพียงหนึ่งเดียวนอกเหนือไปจากตำแหน่งดยุคแห่งโรธเซย์ในเวลานั้น มีการแต่งตั้งตำแหน่งดยุคดังกล่าวอีกสามครั้งในประเทศสก็อตแลนด์ โดยสองครั้งแก่พระราชโอรสพระองค์ที่สองของพระประมุข และอีกหนึ่งครั้งแก่พระอนุชาในพระประมุข ตำแหน่งดยุคแห่งออลบานีได้ถูกแต่งตั้งเป็นครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2424 ให้แก่พระราชโอรสพระองค์ที่สี่ในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย และจากนั้นถูกระงับไปภายใต้พระราชบัญญัติการถอดถอนพระอิสริยยศหลังจากที่ผู้ถือครองตำแหน่งนี้ได้ต่อสู้ในฝ้ายเยอรมันช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1
นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งดยุคอื่นๆ ที่ได้นำมาใช้กับสมาชิกของราชวงศ์ คลาเรนซ์ได้ถูกนำมาใช้เป็นตำแหน่งดยุคเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 1905 โดยมากจะพระราชทานให้แก่พระราชโอรสพระองค์ที่สามของพระประมุข ตำแหน่งดยุคที่พระราชทานแก่พระโอรสพระองค์รองของพระประมุข ได้แก่ ออเมล แคมบริดจ์ คอนน็อต คัมเบอร์แลนด์ เอดินเบอระ กลอสเตอร์ เคนต์ และซัสเซ็กส์ ตำแหน่งดยุคบางประเภทจะใช้กับพระอนุชา พระราชนัดดาผู้ชาย และพระญาติผู้ชายของพระประมุข ตำแหน่งดยุคแห่งวินด์เซอร์เป็นตำแหน่งดยุคทางราชวงศ์เช่นกัน โดยแต่งตั้งให้แก่สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 หลังจากการสละราชสมบัติของพระองค์เพื่อที่จะอภิเษกสมรสอันขัดต่อข้อบัญญัติของศาสนาจักรแห่งอังกฤษ
พระราชโอรสในพระประมุขบ่อยครั้งทรงได้รับพระราชทานฐานันดรศักดิ์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศอังกฤษและสก็อตแลนด์ ต่อมากับไอร์แลนด์ และกับเวลส์เมื่อไม่นานมานี้ เพราะฉะนั้นตำแหน่งดยุคแห่งสแตรเธิร์น (ที่ตั้งชื่อตามสถานที่หนึ่งในสก็อตแลนด์) ได้นำมาใช้ควบคู่กับตำแหน่งดยุคแห่งคอนน็อต (ที่ตั้งชื่อตามมณฑลหนึ่งของไอร์แลนด์) เคนต์และคัมเบอร์แลนด์ (ที่ตั้งตามสถานที่ในประเทศอังกฤษ) รูปแบบเช่นนี้ยังคงใช้กับราชวงศ์ในปัจจุบัน ดังเช่น ดยุคแห่งยอร์ค พระองค์ปัจจุบัน ทรงเป็นทั้งเอิร์ลแห่งอินเวอร์เนสและบารอนคิลลีเลียฟ ฐานันดรศักดิ์รองที่เกี่ยวข้องกับประเทศสก็อตแลนด์และไอร์แลนด์ตามลำดับอีกด้วย
ธรรมเนียมปฏิบัติในการพระราชทานตำแหน่งดยุคให้แก่สมาชิกอาวุโสของราชวงศ์สิ้นสุดลงเมื่อไม่นานในปี พ.ศ. 2542 เมื่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงได้รับการสถาปนาเป็นเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ ตำแหน่งเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์มิเคยมีการแต่งตั้งจากประมุขของอังกฤษและบริเตนใหญ่มาก่อนนับแต่ปี พ.ศ. 1609 (ค.ศ. 1066) กล่าวกันว่าตำแหน่งดยุคแห่งเอดินเบอระจะพระราชทานให้แก่เอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ แต่กระนั้นตำแหน่งดยุคดังกล่าวจะตกทอดสู่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ ไม่ใช่ของเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์ เมื่อเจ้าชายแห่งเวลส์เสวยราชสมบัติเป็นพระประมุข หรือทรงเป็นพระประมุขแล้วเมื่อตำแหน่งดยุคตกทอดสู่พระองค์ ตำแหน่งนั้นจะรวมเข้ากับราชบัลลังก์และเพียงแต่รอการพระราชทานใหม่อีกครั้ง
ฐานันดรศักดิ์ขุนนางสูงสุดอันเป็นของเจ้าชายอาจสามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งในพระอิสริยยศของพระโอรสและธิดาในเจ้าชายพระองค์นั้น ดังนั้นพระโอรสใน เจ้าชายแห่งเวลส์เป็น เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์และเจ้าชายแฮร์รีแห่งเวลส์ พระธิดาในดยุคแห่งยอร์คเป็น เจ้าหญิงเบียทริซแห่งยอร์คและเจ้าหญิงยูจีนีแห่งยอร์ค พระธิดาในเอิร์ลแห่งเวสเซ็กส์เป็น เจ้าหญิงหลุยส์แห่งเวสเซ็กส์ (ในกรณีอันสุดท้ายนี้ โดยทั่วไปแล้วเจ้าหญิงทรงได้รับการเรียกขานเพียงแค่เลดี้ หลุยส์ วินด์เซอร์ ตามความประสงค์ของพระชนกและชนนี แต่โดยทางการแล้วยังคงทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าหญิงอยู่)
พระประมุขส่วนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 บางครั้งพระราชทานฐานันดรศักดิ์ขุนนางให้แก่พระโอรสนอกกฎหมาย โดยคนแรกคือ เจมส์ สก็อตต์ ซึ่งเป็นดยุคแห่งมอนเมาธ์ในปี พ.ศ. 2209 ตามมาด้วยการแต่งตั้งอีกหลายครั้งในทศวรรษ 2413 โดยส่วนมาเป็นตำแหน่งเอิร์ล เช่น ชาร์ลส์ ฟิตซ์ชาร์ลส์ เป็นเอิร์ลแห่งพลีมัธ ชาร์ลส์ ฟิตซ์รอย เป็นดยุคแห่งเซาแธมป์ตัน เฮนรี ฟิตซ์รอย เป็นเอิร์ลแห่งอูสตัน จอร์จ ฟิตซ์รอย เป็นเอิร์ลแห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์ ชาร์ลส์ โบเคลิร์ก เป็นเอิร์ลแห่งเบอร์ฟอร์ด และ ชาร์ลส์ เลนน็อกซ์ เป็นดยุคแห่งริชมอนด์และเลนน็อกซ์ เอิร์ลจำนวนมากมายซึ่งเป็นพระโอรสนอกกฎหมายของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นดยุค ในบรรดาดยุคสมัยปัจจุบัน ก็มีเชื้อสายจำนวนสี่สายผ่านทางบุตรชายของพระโอรสนอกกฎหมายในสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ได้แก่ ดยุคแห่งริชมอนด์ เลนน็อกซ์ และกอร์ดอน ดยุคแห่งบักเคลิชและควีนส์เบอร์รี่ ดยุคแห่งแกรฟตัน และดยุคแห่งเซนต์อัลบันส์
ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญ ภาพพระราชวงศ์อังกฤษ พร้อมกับครอบครัวเจ้าหญิงฯ ภาพเสกสมรสระหว่าง เจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งแคมบริดจ์ กับ แคเธอริน อิลิซะเบธ มิดเดิลตัน |
โคลนนิ่งพระราชวงศ์อังกฤษ
อย่าเพิ่งตกใจ ว่ามีจารชนที่ไหนมาทำโคลนนิ่ง
พระราชวงศ์แห่งประเทศอังกฤษ เพราะจริงๆ แล้ว
บุคคลที่ลอกแบบพระพักตร์ราชวงศ์อังกฤษ ตั้งแต่
ครั้งโบราณกาลมายันถึงรุ่นปัจจุบันนี้ ต่างก็เป็น
ผู้สืบทอดเชื้อสายของราชวงศ์ด้วยกันทั้งสิ้น
แต่จะเป็นใครกันบ้างนั้น คงต้องตามไปดูกันค่ะ
แนะนำให้ดูชื่อของแต่ละพระองค์ท่านผู้เป็นต้นตระกูลของ
พระราชินีอลิซาเบธที่สอง จากเครื่องหมายดอกจันทร์สีแดง
ไล่มาจนถึงพระราชินีอลิซาเบธที่สอง ผู้ครองประเทศอังกฤษ
ในปัจจุบัน(เครื่องหมายดอกจันทร์สีน้ำเงิน)จากนั้นก็ต่อด้วย
family Tree ของพระราชินีอลิซาเบธ ตามภาพข้างบนสุดค่ะ
คราวนี้ก็มาดูกันเลยค่ะ ว่าใครโคลนนิ่งใครกันบ้าง
ผู้ทำการโคลนนิ่งพระองค์แรกก็คือ เจ้าหญิงเบียทริกซ์
พระธิดาของเจ้าชายแอนดรูว์และ เฟอกี้ รูปนี้พิสูจน์
ให้เห็นว่า พระองค์ทรงมีโครงพระพักตร์คล้าย
สมเด็จพระบรมปัยยิกา(ทวด) นั่นคือ พระราชินี
วิกตอเรีย (1819-1910) ไม่น้อยทีเดียว
เจ้าหญิงเบียทริกซ์เป็นพระปนัดดา ซึ่งในภาษาอังกฤษ
แปลเป็นเหลนหลายชั้นทีเดียว เพราะเขาใช้คำว่า
great-great-greatgreat-granddaughter
ต่อมาเป็นพระราชินิอลิซาเบธที่สอง กับพระอัยยิกา
(ย่า)นามว่าแมรี่ คู่อภิเษกสมรสของพระเจ้าจอร์จที่ห้า
(ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Queen Consort Mary)
ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1867-1953
และนี่เป็นคู่ของ เจ้าหญิงยูจีนนี่ พระธิดาเจ้าชายแอนดรูว์
กับพระปัยยิกา(ทวด)อีกพระองค์หนึ่ง นั่นคือ ควีนส์มัม
ซึ่งเป็นพระบรมราชชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบธที่สอง
ภาพต่อมา ก็คือคิงส์จอร์จที่หก (1895-1952) พระบิดา
ของพระราชินีอลิซาเบธที่สอง ซึ่งเป็นพระบรมอัยกา(ปู่)
ของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระโอรสของพระราชินีอลิซาเบธ
ที่สอง ว่ากันว่า ทั้งสองพระองค์ทรงมีใบหูที่คล้ายกันมาก
มาถึงเจ้าชายวิลเลี่ยม พระองค์ทรงมีพระพักตร์
คล้ายคลึงบรรพบุรุษอยู่หลายพระองค์ทีเดียว
เริ่มกันที่ คิงส์เอ็ดเวิร์ดที่หนึ่ง (1239-1307)
ซึ่งนับญาติพบว่าเจ้าชายวิลเลี่ยมเป็นเหลนชั้นที่ 21
ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกันเลยทีเดียว เขาว่า เจ้าชาย
วิลเลี่ยมส์ทรงเหมือนพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ดวงตาและจมูก
ต่อด้วย พระเจ้าจอร์จที่หก(1895-1952)ซึ่งเป็นสมเด็จ
พระบรมปัยกาธิราช(ปู่ทวด)ของเจ้าชายวิลเลี่ยม
ทรงมีดวงตา และริมฝีปากที่คล้ายกันมาก
ส่วนพระพักตร์ด้านข้าง (ในช่วงที่เจ้าชายวิลเลี่ยมทรง
มีพระเกษาน้อยลง)ถ้านำไปเปรียบเทียบกับเจ้าชาย
อัลเบิร์ต(1819-1861) พระสวามีของพระราชินีวิกตอเรีย
ซึ่งเป็นพระปัยกา(ทวด)เจ้าชายวิลเลี่ยมอยู่หลายชั้นทีเดียว
ทั้งสองพระองค์ทรงมีโครงพระพักตร์ด้านข้าง คล้ายกันอยู่ไม่น้อย
คู่นี้เคยกล่าวถึงไปแล้วเมื่อตอนวันเฉลิมพระชนม์พรรษา
ของพระราชินีอลิซาเบธ ซึ่งประชาชนต่างลงความเห็นว่า
พระนัดดาของพระราชินีอลิซาเบธ เลดี้ Louise Windsor
ซึ่งเป็นพระธิดาของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงเหมือนสมเด็จย่า
(พระราชินีอลิซาเบธที่สอง)ตอนทรงพระเยาว์วัยเป็นยิ่งนัก
มาถึงเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ พระราชธิดาของพระราชินีอลิซาเบธ
ที่สอง กับ พระปัยยิยา(ทวด) Queen Consort ของพระเจ้าจอร์จ
ที่ห้า ดูแล้วก็ทรงมีเค้าโครงพระพักตร์คล้ายคลึงกันพอสมควร
คู่นี้เขาบอกว่า ทั้งสองทรงมีดวงตาเหมือนกัน
มากเลยทีเดียว นั่นคือ Louis Frederick Prince
of Wales กับ เหลนชั้นที่5 Freddie Windsor
ส่วนคู่นี้ โคลนนิ่งรูปหน้าและเครากันมาเลย นั่นคือ
พระเจ้าจอร์จที่ห้า (1865-1936) กับ Prince Michael
of Kent ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระนัดดาของ คิงส์จอร์จ และ
ทรงเป็นพระญาติของพระราชินีอลิซาเบธที่สอง
มาดูคู่ของ Consort Charlotte (1744-1818) consort
ในที่นี่น่าจะแปลได้ว่าคู่ครอง หรือคู่อภิเษกสมรสของ
พระมหากษัตริย์ แต่ยังไม่ได้นับเป็นพระราชินี consort
ท่านนี้เป็นคู่ครองของ พระเจ้าจอร์จที่สาม ทรงมีพระปนัดดา
(เหลนชั้นที่สี่) อย่าง Lady Gabriella Windsor มาทำการ
โคลนนิ่งโครงหน้าได้อย่างคล้ายคลึงกันอยู่ไม่น้อยทีเดียว
อีกสักรอบกับเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ พระราชธิดาในพระราชินี
อลิซาเบธค่ะ คราวนี้นำมาเปรียบเทียบกับ เจ้าหญิงแมรี่ซึ่งเป็น
พระขนิษฐา(น้องสาว)ของพระเจ้าจอร์จที่หก(ปู่ของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์)
มาถึงรัชทายาทผู้ที่จะสืบทอดบัลลังก์ต่อจากพระราชินี
อลิซาเบธที่สอง นั่นคือ เจ้าฟ้าชายชาร์ล นำมาเปรียบเทียบ
ความเหมือนกับ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่เจ็ด ผู้เป็นทวดของทวด
ของพระองค์ ว่ากันว่า ทรงมีดวงตา และจมูก เหมือนกันมาก
ส่วนคู่นี้รูปแรกเป็นรูปของ พระราชินี อเล็กซานดร้า
(1844-1925) กับพระปนัดดา(เหลนหลายชั้นทีเดียว)
ที่มีนามว่า Marina Mowatt ดูแล้วก็มีความคล้ายอยู่พอสมควร
ปิดท้ายกันด้วยเจ้าชายแฮรี่ ที่ทรงแหวกแนวกว่าใครเพื่อน
เพราะเขาลงมติกันว่า หน้าดันไปเหมือน เจ้าหญิงแมรี่
(1867-1953) ซึ่งเป็นทวดของทวดของพระองค์ท่าน
.
พิธีเสกสมรสระหว่าง เจ้าชายวิลเลียม - เคท มิดเดิลตัน ซึ่งมีแขกราชวงศ์ บุคคลที่มีชื่อเสียง และประชาชนเข้าร่วมรอชมพิธีกันอย่างมาก ซึ่งพิธีเสกสมรสมีขึ้นภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ โดยแขกที่เดินทางมาร่วมพิธีสำดับต้น ๆ อาทิ เดวิด เบคแฮม พร้อมภรรยา วิกตอเรีย, เอลตัน จอห์น, โรแวน อัตคินสัน , เชลซี เดวี แฟนสาวของเจ้าชายแฮร์รี และ นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน พร้อมภริยา ตามมาด้วย คาโรล มิดเดิลตัน พร้อม เจมส์ มิดเดิลตัน น้องชายของ เคท มิดเดิลตัน
ตอบลบโดยพิธีเริ่มต้นขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 29 เมษายน (ตามเวลาของประเทศไทย) นำโดยรถขบวนของ เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี พระอนุชา วิ่งเข้าสู่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ โดยมีประชาชนต้อนรับเสด็จฯ รอบมหาวิหาร ซึ่ง เจ้าชายวิลเลียม ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารของหน่วยไอริชการ์ด ซึ่งเป็นชุดสีแดงสด โดยชุดดังกล่าวเป็นชุดเครื่องแบบทหารเช่นเดียวกับที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระบิดา ทรงฉลองพระองค์ในพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงไดอานาเมื่อปี 2524
ขณะที่เจ้าชายแฮร์รี ที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารของเหล่าทหารม้า และเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเรือ ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเข้ามายังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ด้วย โดยฉลองพระองค์ผ้าไทย
หลังจากนั้น เจ้าฟ้าชายชาร์ลส พร้อม คามิลลา ปาร์กเกอร์ โบว์ลส ดัชเชสส์แห่งคอร์นวอลล์ เสด็จพระราชดำเนินถึงยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ตามด้วย สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่เสด็จมาพร้อมกับเจ้าชายฟิลิป พระสวามี โดยทรงฉลองพระองค์และพระมาลาสีเหลืองสดใส
.
ทางด้าน เคท มิดเดิลตัน ในชุดแต่งงานสีขาว พร้อม ไมเคิล มิดเดิลตัน ผู้เป็นบิดา เดินทางออกจากโรงแรมกอริง โดยรถยนต์โรลส์ รอยส์สีดำ โดยได้โบกมือทักทายประชาชนขณะรถเคลื่อนเข้าสู่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ และ เคท มิดเดิลตัน ได้ลงรถเข้าสู่มหาวิหารพร้อมกับ ไมเคิล มิดเดิลตัน และมีนักร้องประสานเสียงร้องต้อนรับ
ตอบลบหลังจากนั้นก็เข้าสู่พิธีปฏิญาณตนในพิธีเสกสมรส โดย อาร์คบิชอป โรแวน วิลเลียมส์ ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายเชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ เป็นผู้ทำพิธี ต่อจากนั้น เจ้าชายวิลเลียมทรงสวมพระธำมรงค์ให้กับ เคท มิดเดิลตัน หลังจากนั้นได้ประกาศให้คู่เป็นสามีภรรยาโดยถูกต้อง หลังจากนั้นก็มีการประทานโอวาทแก่ เจ้าชายวิลเลียม - เคท มิดเดิลตัน และนักร้องประสานเสียงบรรเลงเพลงประสานเสียงสรรเสริญพระเจ้า และปิดท้ายด้วยเพลงชาติอังกฤษ "God Save the Queen"
หลังจากนั้น เจ้าชายวิลเลียม พร้อมด้วย เคท มิดเดิลตัน พระชายา ทรงพระดำเนินออกจากมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ประทับรถม้าพระที่นั่งไปยังพระราชวังบักกิงแฮม พร้อมทรงโบกพระหัตถ์ทักทายประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จ ก่อนจะเสด็จออก ณ สีหบัญชรพระราชวังบักกิงแฮม ตามแบบอย่างพระราชบิดาและพระราชมารดาเมื่อ 30 ปีก่อน โดยเจ้าชายวิลเลียม ได้จุมพิตพระชายาถึง 2 ครั้ง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของประชาชนนับแสนที่รอเฝ้าชมพระบารมี
.
ทั้งนี้ สำนักพระราชวังบัคกิ้งแฮม ได้ออกแถลงการณ์ เนื่องด้วยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงแต่งตั้งให้เจ้าชายวิลเลียม เป็นดยุคแห่งเคมบริดจ์ เอิร์ลแห่งสตาร์ตเฮิร์น และบารอนคาร์ริกเฟอร์กัส พร้อมทรงแต่งตั้งนางสาวเคท มิดเดิลตัน เป็นดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และใช้ชื่อว่า เจ้าหญิงวิลเลียมแห่งเวลส์ตามพระนามของสวามีด้วย
ตอบลบจากนั้น "ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์" พระอิสริยยศใหม่ ของ เคท มิดเดิลตัน ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้เปลี่ยนสวมชุดราตรียาว ผ้าแพรสีขาวงาช้าง ที่ออกแบบโดย ซาราห์ เบอร์ตัน ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ ของห้องเสื้ออเล็กซานเดอร์แมคควีน อีกครั้ง มาร่วมพิธีเฉลิมฉลองงานเสกสมรส ณ พระราชวังบัคคิงแฮม ในช่วงค่ำวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น เป็นการส่วนพระองค์ร่วมกับแขกผู้ทรงเกียรติ 300 คน โดยมีเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เป็นเจ้าภาพ ขณะที่เจ้าชายวิลเลียม ฉลองพระองค์ด้วยชุดสูทสีดำ และผูกหูกระต่าย
ส่วนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จออกจากพระราชวัง ไปพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์ ในอีกสถานที่หนึ่ง เพื่อเปิดทางให้คนหนุ่มสาวได้ฉลองกันอย่างเต็มที่
.
โดยเว็บไซต์เทเลกราฟ ของอังกฤษ และสำนักข่าวบีบีซี (BBC) รายงานว่า ผู้คนเริ่มทยอยเดินทางเข้าสู่บริเวณถนน The Mall ซึ่งเป็นถนนที่ขบวนรถม้าพระที่นั่งจะเคลื่อนผ่านแล้ว โดยแต่ละคนต่างแต่งตัวด้วยสีสันธงชาติของอังกฤษ บางคนก็เพ้นท์หน้าเป็นสีธงชาติ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพิธีเสกสมรสของราชวงศ์ในครั้งนี้ รวมทั้งมีการนับเวลาถอยหลังสู่การเริ่มพิธีกันอย่างคึกคัก และมีการจำหน่ายหมายกำหนดการงานพิธีในราคาเล่มละ 2 ปอนด์ เพื่อนำเงินเข้ามูลนิธิเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่ด้วย
ตอบลบส่วนการรักษาความปลอดภัยในราชพิธีเสกสมรสครั้งนี้ แขกที่มาร่วมงาน 1,900 คนนั้น ส่วนใหญ่ก่อนที่จะเข้าไปในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์นั้น จะต้องถูกตรวจประวัติ บัตรผ่านและเครื่องตรวจโลหะด้านความปลอดภัย โดยวางกำลังตำรวจในเครื่องแบบไว้ 5,000 คน เพราะตำรวจกำลังเฝ้าติดตามผู้ก่อการร้ายชาวไอริช กลุ่มศาสนาหัวรุนแรง และ ผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านราชวงศ์ อย่างไรก็ตาม นางคริสตีน โจนส์ ผู้บัญชาการตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ด กล่าวว่า ยังไม่พบภัยคุกคามจากการก่อการร้าย แต่ก็ต้องเฝ้าระวังเอาไว้เพื่อความปลอดภัย
และเมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 28 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น บริเวณหน้าพระตำหนักคลาเรนซ์ เฮาส์ เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ได้ปรากฏพระองค์ต่อพสกนิกร ก่อนพิธีเสกสมรสจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความประหลาดใจของประชาชนที่มาเฝ้าคอยจับจองพื้นที่รับขบวนเสด็จ
.
เจ้าชายวิลเลียม ทรงพูดคุยและจับมือทักทาย กับพสกนิกรอย่างเป็นกันเอง ซึ่งประชาชนต่างตะโกนแสดงความยินดีดังกึกก้อง ขณะที่เจ้าชายแฮร์รี พระอนุชา ซึ่งเสด็จมาพร้อมกัน กล่าวชื่นชมและขอบคุณประชาชนด้วยความจริงใจ
ตอบลบ.
สำหรับหมายกำหนดการงานพิธีเสกสมรส ในวันนี้ (29 เมษายน) มีรายละเอียดและเวลาตามเวลาของประเทศอังกฤษ (ช้ากว่าเมืองไทย 6 ชั่วโมง) ดังนี้
ตอบลบ08.15 น. แขกที่ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ทยอยเข้าสู่มหาวิหาร รวมถึงครอบครัวเคท มิดเดิลตัน และเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของทั้งคู่
10.20 น. ราชวงศ์ต่าง ๆ จากทั่วโลก เดินทางมาถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ และนั่งประจำที่
10.27 น. แม่และน้องชายของเคท มิดเดิลตัน เดินทางจากโรงแรมกอริ่ง ถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ และราชวงศ์จากประเทศต่าง ๆ ก็ยังคงทยอยเดินทางเข้ามาเรื่อย ๆ
10.40 น. เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่ทรงเตรียมตัวสำหรับงาน ในโบสถ์เอ็ดมันด์
10.51 น. เคท มิดเดิลตัน เดินทางออกจากโรงแรมกอริ่งสู่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ และจะได้พบกับ ปิ๊ปปา มิดเดิลตัน น้องสาวที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวที่นั่น
11.00 น. พิธีเสกสมรสเริ่มต้นขึ้น คู่บ่าว-สาว กล่าวคำสัตย์ปฎิญาณ
12.15 น. พิธีเสกสมรสในมหาวิหารสิ้นสุดลง เคท มิดเดิลตัน ออกมาจากมหาวิหารในฐานะ เจ้าหญิงแคเธอรีน และขบวนรถม้าพระที่นั่งก็เริ่มเคลื่อนขบวนสู่พระราชวังบัคกิ้งแฮม
12.40 น. ขบวนเคลื่อนเข้าสู่พระราชวังบัคกิ้งแฮม และราชวงศ์อังกฤษจะเดินทางมาถึงพร้อม ๆ กัน
13.25 น. เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงแคเธอรีน ปรากฎกายที่ระเบียงพระราชวังบัคกิ้งแฮม ท่ามกลางพสกนิกรที่รอชมภาพหวาน นั่นคือเจ้าชายวิลเลียมจุมพิตเจ้าหญิง
13.30 น. เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงแคเธอรีน ทรงนั่งเครื่องบินแอร์ฟอร์ส
17.00 น. ครอบครัวของเคทจะเข้าร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่โรงแรมกอริ่ง เพื่อเฉลิมฉลองกับแขกที่ไม่ได้เข้าร่วมพิธีเสกสมรสในมหาวิหาร (ไม่มีการถ่ายทอดสด)
19.00 น. เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ สำหรับพระสหายของเจ้าชายและเจ้าหญิง รวมถึงครอบครัว รวมกว่า 300 ชีวิต
.
ส่วนการเข้าชมขบวนพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียมและ เคท มิดเดิลตัน นั้น มีการคาดกันว่า จะมีประชาชนทั้งชาวอังกฤษ และต่างชาติ รวมแล้วกว่า 600,000 คน เข้าร่วมเฉลิมฉลองพิธีที่ยิ่งใหญ่นี้ และจะมีผู้ชมอีกมากกว่า 2 พันล้านคนทั่วโลกติดตามชมการถ่ายทอดสดไปพร้อม ๆ กัน
ตอบลบทหารอังกฤษ เตรียมความพร้อมครั้งสุดท้าย ก่อนงานพิธีเสกสมรส เจ้าชายวิลเลียม และ เคท มิดเดลตัน
ทหารอังกฤษ กว่า 1,000 นาย ร่วมการซ้อมใหญ่ เพื่อเตรียมความพร้อมครั้งสุดท้าย ในช่วงเช้ามืดของวันพุธที่ 27 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนพีธีเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียม รัชทายาท ลำดับที่ 2 แห่งอังกฤษ และ น.ส.เคท มิดเดลตัน จะเริ่มขึ้นในวันศุกร์นี้ บริเวณเส้นทางสู่ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ สถานที่ประกอบพีธีเสกสมรส
โดยเมื่อวันอังคาร มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ถูกปิดเพื่อการเตรียมการทำการตกแต่งสถานที่ , การจัดดอกไม้ , การซ้อม , การแสดงและจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อรองรับผู้ที่จะเดินทางมาร่วมงาน นับล้านคน
ขณะที่ เจ้าชายวิลเลียม พร้อมด้วย เคท มิดเดลตัน จะเสด็จไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เพื่อฝึกซ้อมราชพิธีเป็นการส่วนพระองค์ ร่วมกับ บาทหลวง พ่อแม่เจ้าสาว และเจ้าชายแฮร์รี่ ในช่วงเย็น และนอกจากทหารที่ทำการรักษาความปลอดภัยบนเส้นทางเสด็จแล้ว คาดว่า จะยังมีเจ้าหน้าที่ทหารอีกกว่า 500 นาย ในการรักษาความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ
.
ตำรวจนับหมื่น อารักขาพิธีเสกสมรสเจ้าชาย
ตอบลบอังกฤษ ระดมกำลังตำรวจติดอาวุธ อารักขาพิธีเสกสมรสเจ้าชายวิลเลียม กับพระคู่หมั้น เคต มิดเดิลตัน ขณะที่โบสถ์เวสต์มินสเตอร์ ถูกแปลงโฉมเป็นป้อมปราการสำหรับพิธียิ่งใหญ่
เดลีเมล์ สื่อใหญ่ของเมืองผู้ดี รายงานว่า รัฐบาลอังกฤษ ได้มีการสั่งระดมเจ้าหน้าที่ติดอาวุธ และไม่ติดอาวุธ คอยให้การอารักขาสมาชิกพระราชวงศ์ และแขกวีไอพีจากต่างประเทศ ในพิธีเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียม ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายนนี้ อย่างเต็มที่ โดยรายงานระบุว่า ตำรวจนครบาลประมาณ 5,000 นาย มีหน้าที่อารักขาในช่วงการประกอบพิธีในวันที่ 29 เมษายน โดยในจำนวนนี้ มีหน่วยเชี่ยวชาญพิเศษด้านการค้นหาและสุนัขดมกลิ่น รวมถึงหน่วยเคลื่อนที่เร็ว 1,000 นาย คอยตรวจตราความสงบเรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้าย
นอกจากนี้ รายงานยังระบุอีกว่า หน่วยรบพิเศษทางอากาศ หรือ SAS ได้เตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ว่าจะเกิดภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้าย เช่นกัน โดยมีเฮลิคอปเตอร์ชินุค อย่างน้อย 3 ลำ ได้รับคำสั่งให้นำหน่วยรบพิเศษเข้าเตรียมพร้อม และยังมีนักเรียนนายร้อยอีก 350 นาย ประจำการอยู่ตามจุดผ่านแดนที่สำคัญ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนด้วย รวมถึง จะห้ามพวกที่มีพฤติกรรมชอบสะกดรอยตามสมาชิกราชวงศ์ และพวกที่มีรายชื่ออยู่กับศูนย์ประเมินภัยคุกคาม เข้าเมืองเวสต์มินสเตอร์ ในช่วงประกอบพิธี ตลอดจนมีพลแม่นปืนประจำการอยู่ในจุดสำคัญของโบสถ์เวสต์มินสเตอร์ และตลอดเส้นทางขบวนเสด็จฯ
.
ลอนดอนแต่งร้านรับงานพิธีเสกสมรสเจ้าชาย
ตอบลบบรรดาร้านค้าตามย่านช็อปปิ้งที่สำคัญในกรุงลอนดอนของอังกฤษต่างประดับตกแต่งหน้าร้าน หลากหลายรูปแบบ เตรียมต้อนรับงานพระราชพิธีเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียม และเคท มิดเดิลตัน
ธงชาติอังกฤษจำนวนมากถูกแขวนไว้เหนือท้องถนนในย่านเวสต์เอนด์ ใจกลางกรุงลอนดอนของอังกฤษ ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติราว 500,000 คนเข้ามาเยี่ยมชมร้านค้าต่างๆในย่านนี้ ในช่วงสุดสัปดาห์ 4 วัน ซึ่งจะมีการจัดพิธีพระราชพิธีเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมและเคท มิดเดิลตัน ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายนนี้ โดยทั่วประเทศจะมีการประดับตกแต่งด้วยธงชาติ เพื่อแสดงความรู้สึกยินดีต่องานมงคลที่จะเกิดขึ้น
ขณะที่บรรดาร้านค้าต่างพากันประดับตกแต่งหน้าร้านให้เข้ากับบรรยากาศงานพระราชพิธีเสกสมรส เช่นที่ศูนย์การค้า แห่งหนึ่งที่ซึ่งตกแต่งเป็นด้านหลังของรถฮันนีมูนพระที่นั่งของเจ้าชายวิลเลียม และว่าที่เจ้าหญิงเคท โดยมีสติ๊กเกอร์ หลายแบบติดอยู่บนรถ รวมถึงข้อความ "กฎระเบียบของฉันเป็นอย่างไรบ้าง" ซึ่งเป็นการดัดแปลงมาจากข้อความ ที่นิยมติดไว้บนรถบรรทุกที่ว่า "การขับรถของฉันเป็นอย่างไรบ้าง" นอกจากนี้ยังมีหุ่นจำลองพระราชินีกำลังโบกพระหัตถ์ กับเค้กแต่งงานที่สูงหลายชั้น
.
ประวัติ เคท มิดเดิลตัน
ตอบลบเคท มิดเดิลตัน หรือ แคธเธอรีน เอลิซาเบธ เคท มิดเดิลตัน ว่าที่พระชายาของเจ้าชายหนุ่มรูปงามแห่งราชวงศ์อังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2525 ณ โรงพยาบาล รอยัล เบิร์กไชร์ เมืองรีดดิ้ง มณฑลเบิร์กไชร์ เป็นธิดาสาวคนโตของ ไมเคิล ฟรานซิส มิดเดิลตัน กับ แครอล เอลิซาเบธ มิเดิลตัน เจ้าของธุรกิจส่วนตัวผู้ร่ำรวยทางตอนใต้ของสหราชอาณาจักร โดย เคท มิดเดิลตัน ยังมีน้องร่วมสายเลือดอีก 2 คน
หลัง เคท มิดเดิลตัน จบการศึกษาจากวิทยาลัย Marlborough เคท มิดเดิลตัน ก็ได้เข้าศึกษาต่อในสาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ ที่มหาวิทยาลัย St. Andrews ที่ซึ่ง เคท มิดเดิลตัน ได้พบกับ เจ้าชายวิลเลี่ยม ที่ทรงมาศึกษาต่อที่นี่เช่นกัน ในปีพ.ศ. 2544 หลังจากที่พบกันไม่นาน ทั้ง เคท มิดเดิลตัน และ เจ้าชายวิลเลี่ยม ก็ได้ตกลงคบหาดูใจกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังทั้งคู่ คบหากัน เคท มิดเดิลตัน ก็ได้ออกงานสังคมเคียงคู่ เจ้าชายวิลเลี่ยม หลายต่อหลายงาน และ เคท มิดเดิลตัน ก็ได้รับคำชื่นชมจากเหล่าพสกนิกรและราชวงศ์ว่า เธอมีกริยามารยาทที่งดงาม เหมาะสมกับเจ้าชายวิลเลี่ยม อีกทั้งยังมีรสนิยมในการเลือกเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกับงานที่ไปร่วม จนได้รับตำแหน่ง สตรีที่แต่งตัวดีอีกคนหนึ่งของเกาะอังกฤษเลยทีเดียว
.