คู่มือการใช้โปรแกรม Microsoft Excel 2010
การใช้งาน Microsoft Excel
2010
โปรแกรม Microsoft Excel 2010
เป็นโปรแกรมที่นิยมใช้ในการจัดการคำนวณ
มีความสามารถในการคำนวณสูตรต่างๆ
พร้อมทั้งฟังก์ชันที่ช่วยในการคำนวณทางคณิตศาสตร์อีกด้วย
หรือจะจัดทำเป็นตารางงานก็ยิ่งสะดวกขึนไปอีก
ซึ่งถือว่าเป็นโปรแกรมที่มีประโยชน์มากมายจริง ๆ สำหรับ Excel เวอร์ชัน 2010 จะมีความคล้ายกับ Microsoft Excel 2007
อยู่พอสมควร
แต่ก็มีการพัฉนาเทคนิคการใช้งานบางประการเพื่อให้เราสามารถทำงานได้อย่างสะดวกมากขึ้น
ส่วนประกอบของโปรแกรม Microsoft Excel 2010 |
1. แถบชื่อเรื่อง (Title Bar) = เป็นส่วนที่ใช้แสดงชื่อโปรแกรม และรายชื่อไฟล์ที่ได้เปิดใช้งาน 2. แถบเครื่องมือด่วน (Quick Access) = เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงคำสั่งที่ใช้งานบ่อย 3. ปุ่ม แฟ้ม (File) = เป็นส่วนที่ใช้ในการจัดเก็บคำสั่งการทำงานในโปรแกรม เช่น New Open, Save และคำสั่ง Print เป็นต้น 4. ปุ่มควบคุม = เป็นส่วนที่ใช้ควบคุมการเปิด หรือปิดหน้าต่างโปรแกรม 5. ริบบอน (Ribbon) = เป็นส่วนที่ใช้แสดงรายการคำสั่งต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำงานกับเอกสาร 6. พื้นที่การทำงาน = เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงรายละเอียดต่าง ๆ ขั้นภายในเอกสาร 7. แถบสถานะ (Status Bar) = เป็นส่วนที่ใช้แสดงจำนวนหน้ากระดาษ และจำนวนตัวอักษรที่ใช้ในเอกสาร 8. Name Box = เป็นช่องที่ใช้แสดงชื่อเซล์ที่ใช้งานอยู่ในขณะนั้น เช่น ถ้ามีการใช้งานข้อมูลในเซลล์ A1 รายชื่อเซลล์นี้ก็จะไปแสดงอยู่ในช่อง Name Box 9. แถบสูตร (Formula Bar) = เป็นช่องที่ใช้แสดงการใช้งานสูตรการคำนวณต่าง ๆ 10. เซลล์ (Cell) = เป็นช่องตารางที่ใช้สำหรับบรรจุข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งช่องเซลล์แต่ละช่องนั้นจะมีชื่อเรียกตามตำแหน่งแถว และคอลัมน์ที่แสดงตำแหน่งของเซลล์ เช่น เซลล์ B1 จะอยู่ใน คอลัมน์ B ในแถวที่ 1 เป็นต้น 11. คอลัมน์ (Column) = เป็นช่องเซลล์ที่เรียงกันในแนวตั้งของแผ่นงาน (Worksheet) 12. แถว (Row) = เป็นช่องเซลล์ที่เรียงกันในแนวนอนของแผ่นงาน 13. Sheet Tab = เป็นแถบที่ใช้แสดงจำนวนแผ่นงานที่เปิดขึ้นมาใช้งาน |
การสร้างสมุดงาน ใน Excel 2010 |
วิธีที่ 1 การสร้างสมุดงาน (Workbook) โดยทั่วไป 1. คลิกปุ่ม แฟ้ม (File) > สร้าง (New) 2. คลิกเลือก สมุดงานเปล่า (Blank Workbook) 3. คลิกเลือก สร้าง (Create) วิธีที่ 2 การสร้างสมุดงาน (Workbook) จาก Template เป็นการสร้าง Workbook ขึ้นมาใช้งานจากรูปแบบ Workbook ที่มีอยู่ในโปรแกรม ซึ่ง Workbook ใหม่ที่สร้างขึ้นมาก็จะมีลักษณะเหมือนต้นแบบที่ได้เลือกไว้ทุกประการ ซึ่งทำได้ตามขั้นตอนดังนี้ 1. คลิกปุ่ม แฟ้ม (File) > สร้าง (New) 2. คลิกเลือก ตัวอย่างแม่แบบ (Sample templates) 3. คลิกเลือกสมุดงานที่ต้องการ 4. คลิกปุ่ม สร้าง (Create) 5. สมุดงานจะถูกสร้างขึ้นมาจากแม่แบบตามที่เลือก |
Excel Shortcut ที่ควรรู้
สมมุติว่า ในเซลล์ A1 มีข้อมูล 123.456 เมื่อใช้สูตรข้างล่าง จะได้ผลดังนี้
ทดลองการใช้สูตร ใน Excel Web App ข้างล่างนี้
(พิมพ์สูตรเสร็จแล้ว กดปุ่ม Enter)
ท่านเคยลากคลุมเลือกช่วงของข้อมูลยาว ๆ เกินหนึ่งหน้าบ้างไหม ถ้าเคยจะรู้สึกว่าทำงานไม่ค่อยสะดวก เพราะต้องเลื่อนหน้าจอลง พร้อมกับการเลือกข้อมูล ถ้าเป็นอย่างนี้ ต้องอาศัย Shortcut เข้าช่วย เพราะ Shortcut ใช้ปุ่มบน Keyboard ทำให้ทำงานได้สะดวกขึ้นอีกเยอะเลย Keyboard shortcut ที่ควรทราบ มีดังนี้ |
การพิมพ์และการแก้ไข | |
Ctrl + Enter | ออกจากโหมดป้อนค่า หรือแก้ไข โดยไม่เปลี่ยนตำแหน่งเซลล์ |
F2 | แก้ไขข้อมูลในเซลล์ |
Alt + Enter | บังคับให้ขึ้นบรรทัดใหม่ภายในเซลล์เดียวกัน |
F12 | บันทึกเป็น |
Ctrl + C | คัดลอกเซลล์ที่กำลังถูกเลือก |
Esc | ยกเลิกการคัดลอก |
Ctrl + V | วางเซลล์ที่คัดลอก |
Ctrl + X | ตัดเซลล์ที่กำลังถูกเลือก |
Ctrl + Alt + V | ถ้ามีการคัดลอกข้อมูลไว้แล้ว จะแสดงหน้าต่างการวางแบบพิเศษ |
การเลือกเซลล์ | |
Ctrl + * | เลือกเซลล์ที่ติดกันทั้งหมด เช่น มีข้อมูลในเซลล์ A1 ถึง A20 ขณะนี้เคอเซอร์อยู่ที่เซลล์ A5 ถ้ากด Ctrl ค้างไว้และ กดเครื่องหมาย * บริเวณ A1 ถึง A20 จะถูกเลือก ข้อมูลที่ไม่ติดกับข้อมูลชุดนี้ จะไม่ถูกเลือก |
Ctrl + A | เลือกพื้นทีทั้งหมดของชุดข้อมูลนั้น ๆ ถ้ากด Ctrl + a อีกครั้ง จะเป็นการเลือกแผ่นงานทั้งหมด |
Ctrl + Shift + ปุ่มลูกศร | ขยายพื้นที่การเลือกเซลล์จนถึงจุดสิ้นสุดของชุดข้อมูล (ชุดข้อมูลคือบริเวณที่ไม่มีเซลล์ว่าคั่น) |
ดับเบิ้ลคลิกที่ Fill handle | มีผลเช่นเดียวกับการลาก Fill handle เพื่อคัดลอกสูตรหรือข้อมูล |
Shift + คลิก | เลือกบริเวณพื้นที่สี่เหลี่ยม ตั้งแต่เซลล์แรกที่คลิกไว้ ครอบคลุมถึงบริเวณที่คลิก เช่น คลิกที่เซลล์ B5 และ ไป Shift + คลิก ที่เซลล์ E30 บริเวณที่ถูกเลือกคือ B5:E30 |
Shift + ปุ่มลูกศร | ขยายพื้นที่การเลือกเซลล์อีก 1 เซลล์ ตามแนวทิศทางลูกศร |
การเคลื่อนที่ไปยังเซลล์ต่าง ๆ | |
Ctrl + G หรือ F5 | เปิดหน้าจอให้พิมพ์ตำแหน่งเซลล์ที่ต้องการไป |
Home | เลื่อนไปยังเซลล์แรกของแถวนั้น |
ปุ่มลูกศร | เลื่อนตำแหน่งไปยังเซลล์ ซ้าย ขวา บน ล่าง ตามแนวทิศทางลูกศร |
Ctrl + ปุ่มลูกศร | เลื่อนตำแหน่งไปยังเซลล์ริมสุดของพื้นที่ข้อมูลชุดนั้น ถ้าไม่มีข้อมูลจะเลื่อนไปยังตำแหน่งบนสุด ล่างสุด ซ้ายสุด ขวาสุด ของแผ่นงาน ตามแนวทิศทางลูกศร |
PageDown/Up | เลื่อนตำแหน่งขึ้น-ลง ครั้งละ 1 หน้า |
การจัดการเกี่ยวกับไฟล์ | |
Ctrl + F4 | ปิดโปรแกรม |
Ctrl + N | เปิดไฟล์ใหม่ |
รวมสูตรการปัดเศษ ของ Excel
สูตรข้างล่างนี้ สามารถใช้ได้กับ Excel 2003-2010สมมุติว่า ในเซลล์ A1 มีข้อมูล 123.456 เมื่อใช้สูตรข้างล่าง จะได้ผลดังนี้
สูตร | ผลลัพธ์ | ความหมาย |
=ROUND(A1,2) | 123.46 | ปัดเศษ ทศนิยมสองตำแหน่ง |
=ROUND(A1,-1) | 120 | ปัดเศษ เหลือจำนวนเต็มหลักสิบ |
=ROUND(A1,-2) | 100 | ปัดเศษ เหลือจำนวนเต็มหลักร้อย |
=ROUNDDOWN(A1,2) | 123.45 | ปัดเศษลง ให้มีจำนวนจุดทศนิยมตามที่กำหนด |
=ROUNDUP(A1,2) | 123.46 | ปัดเศษขึ้น ให้มีจำนวนจุดทศนิยมตามที่กำหนด |
=ODD(A1) | 125 | ปัดเป็นเลขคี่ |
=EVEN(A1) | 124 | ปัดเป็นเลขคู่ |
=CEILING(A1,0.5) | 123.5 | ปัดขึ้น เพื่อให้ตัวเลขที่กำหนดหารลงตัว เช่น ใช้ในกรณีที่ต้องกรหลีกเลี่ยงเศษที่ไม่มีหน่วยเงิน เช่น 45 สตางค์ ไม่มีเหรียญ ก็เลยปัดให้เป็น 50 สตางค์ คือ กำหนดให้เป็นทวีคูณของ 50 สตางค์ |
=FLOOR(A1,0.5) | 123 | ปัดลง เพื่อให้ตัวเลขที่กำหนดหารลงตัว เช่น หลีกเลี่ยง 45 สตางค์ ก็เลยปัดลงให้เป็น 00 สตางค์ คือให้ 50 สตางค์หารลงตัว หรือ พูดอีกอย่างว่า ให้เป็นทวีคูณของ 50 สตางค์ เป็นต้น |
=INT(A1) | 123 | เอาเฉพาะเลขจำนวนเต็ม |
=TRUNC(A1,2) | 123.45 | ตัดเอาจำนวนตำแหน่งทศนิยมที่กำหนด ไม่มีการปัดเศษ |
=MOD(A1,2) | 1.456 | เศษที่เหลือจากการหาร ของตัวหารที่กำหนด ในตัวอย่างคือ นำ 2 ไปหาร 123 เหลือเศษ 1 |
เริ่มใช้งานโปรแกรมMicrosoft
Excel 2007
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น