ราก เอ็กเซลเลียม Excellium
✅ สะสมออกซิเจน
✅ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
✅ เป็นรากฐานในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
✅ ปรับหรือเพิ่มประสิทธิภาพระบบย่อยอาหาร
Product Description
- EXCELLIUM is the mycelium of Ganoderma lucidum which contains a spectrum of ingredients such as vitamins, minerals and enzymes. Gano Excel is the world pioneer in producing and commercializing mycelium.
#สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 🙏🙏🙏
โทร ☎️ :: 082-236-4928
Line ID :: pla-prapasara
สั่งวันนี้มีโปรโมชั่น พิเศษ‼️ #ทักมาเลย
http://line.me/ti/p/~pla-prapasara
🚒🚒 กรุงเทพและปริมณฑล 1-2 วันรับของ ต่างจังหวัด 2-3 วันค่ะ 🚒🚒
🚒
Description
รากหลินจือ เป็นส่วนรากของหลินจือ ซึ่งสะสมสเปคตรัม วิตามิน แร่ธาตุ และ สารอาหารที่มีประโยชน์แก่สุขภาพร่างกาย และเป็นที่รู้จักกันดี
ในชื่อยาบำรุงสมอง “The Brain Tonic”
ยาแผนโบราณเห็ดหลินจือ (กาโน-gano) สูตร 2 ตราจีอี ราก (Excellium)
เป็นยาแผนโบราณที่สกัดจากเห็ดหลินจือ กาโน (gano) หรือ เห็ดหลินจือแดง 6 สายพันธุ์ มีสารประกอบที่สำคัญมากกว่า 200 ชนิด ที่ได้รับการยอมรับทั่วไปว่าเป็น “Miraculous King of Herbs” ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากกว่าสมุนไพรอื่นใดรวมทั้งโสมด้วย จึงมีคุณสมบัติในการบำรุงสุขภาพโดยรวม
มีสารออกฤทธิ์ทางยาที่สำคัญและทรงประสิทธิภาพมาก ดังนั้น มันจึงช่วยป้องกันโรคและเป็นส่วนเสริมสำหรับการบำบัดรักษาโรคได้หลากหลายมาก
แม้แต่โรคที่ร้ายแรงอันได้แก่ รักษามะเร็ง ต่างๆ
ยาแผนโบราณ เห็ดหลินจือ กาโน (gano) หรือ เห็ดหลินจือแดง 6 สายพันธุ์
ในส่วนของราก (Excellium) มีสเปกตรัมของสารอาหารที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยมีส่วนของสาร ออร์กานิค เยอมาเนียม (Organic Germanium) มากกว่าส่วนของดอกและเป็นสารเพิ่มออกซิเจนในสมองที่ได้ชื่อว่า “ยาชูกำลังสมอง (Brain tonic)”
ประโยชน์และสรรพคุณของ รากเห็ดหลินจือ กาโน
– บำรุงสมอง
– สะสมออกซิเจน
– กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
– เป็นรากฐานในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
– ปรับหรือเพิ่มประสิทธิภาพระบบย่อยอาหาร
– ช่วยเพิ่มพลังงานหรือเป็นแหล่งพลังงานยามขาดแคลน
รายละเอียดการออกฤทธิ์ทางยา รากเห็ดหลินจือกาโน
– โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรง รักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในระบบไหลเวียนของโลหิต
– ออร์กานิค เยอมาเนียม (Organic Germanium) เพิ่มระดับออกซิเจนในระบบไหลเวียนของโลหิต บำรุงสอง (Brain tonic) เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค
ลดอาการอ่อนเพลียเมื่อยล้า เพิ่มพลังงานและความสดชื่นแก่ร่างกาย
– วิตามิน มีบทบาทสำคัญในกระบวนการทางสรีรวิทยา (physiological process) และการเผาผลาญอาหารของร่างกาย (metabolism)
– เกลือแร่ ช่วยรักษาสุขภาพที่ดี มีบทบาทในการกระบวนการทางสรีรวิทยาและการสร้างเนื้อเยื่อของร่างกาย
– โปรตีน ช่วยเสริมสร้างเซลใหม่และซ่อมเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย ช่วยในกระบวนการผลิตเอนไซม์ แอนติบอดี ฮีโมโกลบินและฮอร์โมนต่างๆ
คำแนะนำในการรับประทาน
ผู้ใหญ่ จำนวน 1-2 แคปซูลต่อวัน
เด็กลดลงครึ่งหนึ่ง
*** ควรรับประทานก่อนอาหารและควรรับประทานร่วมกับ ยาแผนโบราณ เห็ดหลินจือ (กาโน-gano) ตราจีอี ดอก (Ganoderma) จะดีที่สุด
รากหลินจือ เอ็กเซลเลียม/ส่าเห็ดหลินจือ ตัวแรกตัวที่ 1 ซึ่งขายกันมายาวนาน แล้วก็เป็นตัวที่โดดเด่น เพราะบริษัทอื่นไม่มี ประเทศไทย ก็ยังไม่มี
ที่ไหน ที่เขาจะขายตัว ส่าของเห็ดหลินจือ หรือ ที่คน กาโน เราจะใช้คำเรียกตัวนี้ง่ายๆว่า รากเห็ดหลินจือ แต่บางคนถ้าเกิดไม่เข้าใจอาจสับสนได้ เพราะ เห็ดหลินจือ มันก็ขึ้นปกติ ถ้าตามธรรมชาติแล้วมันก็ขึ้นตามค้อนไม้ตามพื้น ตามอะไรพวกนี้ ซึ่งมันไม่มี ราก แต่ตัวนี้เขาเรียกว่า ส่าของเห็ดหลินจือ
1.บริษัท กาโน เอ็กเซล เขามีเทคโนโลยีในการสกัดเอาตัว ราก ตัวนี้ สกัดออกมาแล้วก็มาแปรรูปให้มันเก็บไว้ได้คงทน แล้วก็ยังคงมีประโยชน์อยู่
ผลิตออกมาเป็น แคปซูล ได้ จริงๆแล้วในทางวิทยาศาสตร์กระบวนการในการที่จะทำ มันก็ค่อนข้างจะเป็นความลับของใครของมันเลยทีเดียว แล้วก็
ในการทำล็อตเล็กๆ หรือว่า ทำเพื่อศึกษาวิจัย อาจจะมีบางเจ้า บางคน เขาแยกสกัดออกมาได้ แต่ถ้าเป็นอุตสาหกรรมยาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แบบ
กาโน เอ็กเซล ที่เราผลิตออกมาเยอะๆ แล้วก็ขายไปในเครือข่ายของเราทั่วโลก คือมันเป็นเรื่องที่คนละสเกลกัน
เพราะฉะนั้นต้องมีเทคนิค หรือ มีวิธีการที่ต้องทำให้มันได้ ตรงนี้เขาถือว่าในภาพรวมถ้าเป็นในระบบอุตสาหกรรม ตอนนี้เรามี บริษัท กาโน เอ็กเซล
ที่ทำตัวนี้ได้ เป็นจุดเด่น ที่เด่นมากๆของเรา
ราก มันมีความแตกต่างอย่างไร บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมฉันซื้อ ราก ล็อตนี้ สีอ่อนจังเหมือนน้ำนมเลย แต่อีกเดือนต่อมาไปซื้ออีกที่หนึ่งอาจจะ
เป็นคลังสินค้า หรือ ศูนย์จำหน่ายรายย่อยของเรา แล้วก็พบเจอว่า เหตุได้สีของ ราก จึงมีสีที่ไม่เหมือนกัน เข้มขึ้นกว่าเดิม
ตอนที่เขาเอา ราก มาจัดจำหน่าย การเพาะเลี้ยงราก หรือว่า รากหลินจือ เอ็กเซลเลียม/ส่าเห็ดหลินจือ จะใช้เวลาอยู่ที่ 18-22 วัน เขาจะมีช่วงที่เขาคำนวณไว้แล้วจะต้องไม่เกินจากนี้เด็ดขาด แต่ถ้ายังอยู่ในช่วงนี้จะเป็นวันที่ 18 19 20 21 หรือ 22 คือใช้ได้ทั้งหมด สรรพคุณสารออกฤทธิ์ทางยา
ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เขากำหนดเขาระบุไว้ เพราะฉะนั้นสีมันจะแตกต่างกัน แต่คุณสมบัติมันก็จะเหมือนเดิม แต่มันจะมีนิดนึงก็คือ ยิ่งถ้าสีเข้มมากขึ้น บางครั้ง ราก ล็อตนั้น อาจจะมีคุณสมบัติที่เหมือนกับไปทาง ดอก อีกนิดนึง
เพราะฉะนั้น มันก็อาจจะแสดงการขับพิษได้ ใครที่เคยมีข้อมูลในเรื่องของ ดอกหลินจือ ไม่ว่าจะเป็นตัว สปอร์ของเห็ด หรือตัว สารสกัดร้อน จาก
เห็ดหลินจือ ที่เราเรียกว่า ริชิโกลด์
รากเห็ดหลินจือ ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ทางยา เช่น วิตามินแร่ธาตุต่างๆ แต่มันมีบางชื่อบางตัวที่น่าสนใจในการที่สารอื่นในสมุนไพรในยาอันอื่น มัน
ไม่มี แล้วเขาก็ตั้งชื่อให้เกียรติกับตัว ส่าหลินจือ เอาไว้คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่มันมีชื่อว่า LZ8 ย่อมาจาก LingZhi ก็คือ เห็ดหลินจือ ที่เราเรียกเป็นชื่อง่ายๆที่ไม่ได้เป็นชื่อวิทยาศาสตร์ว่า กาโนเดอร์มาลูซิดัม
LingZhi ก็คือ เป็น โปรตีน ที่มันมีขนาดเล็ก แล้วก็เราจะเจอในตัว ส่าเห็ดหลินจือ ได้ ซึ่งเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า EXCELLIUM นอกจากนั้น ยังมีอีก
ตัวหนึ่ง ที่ดูเหมือนว่าในสมุนไพรท็อปฮิตต่างๆ ก็จะมีเหมือนกันแต่มีใน รากเห็ดหลินจือ เยอะมากเลย นั้นก็คือ ออแกนิคเจอร์เมเนียม ในรูปแบบที่มาจากธรรมชาติ เขาเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Organic germanium ตัวนี้มันจะมีบทบาทหลายอย่าง มีบทบาทในเรื่องของการ ขับพิษ การทำความสะอาดร่างกาย ให้ร่างกายมีกระบวนการใน การล้างพิษ ด้วยตัวเอง
2.Organic germanium ตัวนี้มันจะมีผลในเรื่องของประจุไฟฟ้า เช่น การส่งกระแสประสาท หรือ การเต้นของหัวใจ มันจะเกิดมีศักย์ไฟฟ้าในระดับเซลล์เกิดขึ้น ร่างกายของเราถ้าเราได้รับ Organic germanium ซึ่งปลอดภัย แล้วก็ได้รับเป็นปริมาณที่เหมาะสมไม่ขาด มันก็จะทำให้กระบวนการที่ต้องใช้เรื่องของไฟฟ้าความต่างศักย์ไฟฟ้าตรงนี้ มันก็จะสมบูรณ์ขึ้น การเต้นของหัวใจดีขึ้น การสื่อสารของเรื่องสมองก็จะดีขึ้น แล้วก็ยังมีในส่วนอื่นๆอีก ฯลฯ
3.รากหลินจือ เอ็กเซลเลียม/ส่าเห็ดหลินจือ ทำให้ร่างกายของเราได้รับออกซิเจนในระดับเซลล์ได้ดีขึ้น ปกติเวลาเราสูดหายใจออกซิเจน แน่นอนเข้าไปทางรูจมูก แล้วก็เข้าไปถึงหลอดลม แล้วก็ไปที่ปอด ไปที่ถุงลม ไปแลกเปลี่ยนแก๊ส แล้วก็นำเอา คาร์บอนไดออกไซด์ หายใจออกมา แต่ว่ากระบวนการนี้ เวลาที่เราหายใจเข้าไป ออกซิเจน ที่ส่งผ่านจากถุงลมปอด เข้าไปในหลอดเลือดฝอย แล้วก็กระจายไปทั่ว ออกซิเจน ตัวนี้เขามีการศึกษาวิจัยกันเขาบอกว่าในตัว ส่าเห็ดหลินจือ เมื่อเราทานเป็นประจำจะทำให้ในเลือดของเรา ฮีโมโกลบิน ที่อยู่ในเม็ดเลือดแดงของเรา มันจะมี ฮีโมโกลบิน มันจะมีหน้าที่ในการจับ ออกซิเจน ที่เราหายใจเข้าไป แล้วก็แผร่ผ่านเข้าไปในหลอดเลือด
ดังนั้น ร่างกายของคนคนนั้น ก็จะสดชื่น ก็จะได้รับ ออกซิเจน อย่างสม่ำเสมอ ไม่คล่องไม่ขาดออกซิเจน แล้วมันก็จะมีผลไปถึงโรคบางอย่าง ที่ร่างกายมันชอบที่จะมี ออกซิเจน เยอะๆ ยกตัวอย่าง เช่น โรคมะเร็ง การที่ร่างกายเรามีเลือดมีฤทธิ์เป็นด่าง แล้วก็มีออกซิเจนละลายอยู่ในเลือดของเราได้เป็นปริมาณมาก ปริมาณที่เหมาะสม มันก็จะเอื้อทำให้ เซลล์มะเร็ง มันไม่ดุ มันไม่กระจาย จะเป็นเหมือนกับการทำให้มันอยู่สงบ แล้วก็ค่อยๆตายหายไปเองถ้าภูมิคุ้ม
กันเรายิ่งดี
รากหลินจือ เอ็กเซลเลียม/ส่าเห็ดหลินจือ เหมาะกับคนทุกคนที่อยากมีสุขภาพดี แต่ถ้าเจาะลงไปอีก ก็คือ คนที่อ่อนเพลีย คนที่ไม่ค่อยมีแรง
คนที่เป็นมะเร็ง เด็ก หรือ ผู้สูงอายุ ที่เขามีปัญหาสุขภาพ เพราะฉะนั้น จะเหมาะมากๆ แล้วรากหลินจือ
วิธีรับประทานตำรับยา กาโน เอ็กเซล ต้องรับประทานตอน ท้องว่าง ก่อนกินอาหาร 1 ชั่วโมง ขึ้นไป ยกตัวอย่าง เช่น ตื่นเช้ามา ก่อนนอน ยังไม่ได้กินอะไรเลย อันนี้ท้องว่างที่สุดจะเป็นเวลาที่เหมาะสมมากๆที่สุด เราก็ทาน เห็ดหลินจือ เข้าไป แล้วหลังจากนั้น 1 ชั่วโมง ขึ้นไปท่านจึงทานอาหาร
ถามว่ากินใกล้ๆกับอาหารมันเป็นอะไรไหม มันก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่ว่าเราลองคิดดู บางครั้งเราไม่รู้ว่าในอาหารมื้อนั้นคุณกินอะไร แล้วเวลาที่กินไปมันอาจจะสารอะไรบางอย่างในอาหารชนิดนั้น อาจจะเกิดผลกระทบกับสารออกฤทธิ์ทางยาที่อยู่ใน ส่าเห็ดหลินจือ ใน ราก ดอก หรือในผลิตภัณฑ์ต่างๆ
เพราะฉะนั้น เราก็ควรจะแยกเพื่อตัดปัญหาไปเลย ไม่ต้องไปกังวลว่าจะมีผลหรือเปล่าอะไรยังไง ก็แยกไปเลย การดูดซึมก็จะได้ดีขึ้นด้วย สำหรับ ราก เพราะฉะนั้น จะให้ทานอันที่ 1 ก็คือตอนท้องว่างเสมอ อันที่ 2 ปริมาณในการทาน เราก็จะเริ่มต้นจาก 1 แคปซูล แล้วก็เพิ่มเป็น 2 แคปซูล ก็ได้ หรือ ถ้าคนที่ต้องการกินเยอะๆ ต้องการบำรุง อาจจะป่วยเยอะ ป่วยเรื้อรัง ก็ให้ ครั้งละ 3 แคปซูล ได้ แต่จะต้องเริ่มต้นจากน้อยๆจาก 1 ไปก่อน แล้วก็ขยับเป็น 2 เป็น 3 แบบนั้น ทานกี่ครั้ง ก็อยู่ที่ความเหมาะสมความจำเป็น วันละ 1 ถึง 3 ครั้งโดยประมาณ โดยส่วนใหญ่เราก็จะแนะนำให้กินวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หรือว่า ถ้าไม่ใช่มื้อเย็นก็เป็นเมื่อ ก่อนนอน ก็ได้
ที่มา : ภก.ณัฐวัฒน์ จิโรจพงศ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น