การขอสัญชาติไทยของชาวต่างชาติ
คำแนะนำในการยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย
จากแนวทางประกอบการพิจารณาในการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไว้ดังนี้ ได้ให้ความเห็น ชอบแล้วเมื่อ 9 กรกฎาคม 2544 ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นคำคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยไว้ ดังนี้
1.บรรลุนิติภาวะแล้วตามกฎหมายไทยและกฎหมายที่บุคคลนั้นมีสัญชาติ
2.มีความประพฤติดีโดยจะต้องผ่าการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม,ตรวจสอบพฤติการณ์
ทางด้านการเมือง,ยาเสพติด,ความมั่นคงของประเทศ และหมายจับต่างประเทศ
ทางด้านการเมือง,ยาเสพติด,ความมั่นคงของประเทศ และหมายจับต่างประเทศ
3.มีอาชีพเป็นหลักฐาน(ต้องมีหนังสือรับรองการประกอบอาชีพจากกองแรงงานต่างด้าวหรือ
แรงงานจังหวัด และต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด)ดังนี้
แรงงานจังหวัด และต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด)ดังนี้
3.1กรณีเข้ามาเพื่อทำงานต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 80,000บาท โดยมี
หนังสือรับรองรายได้จากบริษัทหรือนายจ้างที่ทำงานอยู่ หรือเสียภาษีเงินได้
บุคคลธรรมดาในปีที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติตั้งแต่ 100,000บาทขึ้นไป
และมีหลักฐานการเสียภาษีมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
หนังสือรับรองรายได้จากบริษัทหรือนายจ้างที่ทำงานอยู่ หรือเสียภาษีเงินได้
บุคคลธรรมดาในปีที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติตั้งแต่ 100,000บาทขึ้นไป
และมีหลักฐานการเสียภาษีมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
3.2 กรณีอยู่ในราอาณาจักรไทยเพื่อเหตุผลทางด้านมนุษยธรรม เช่น สมรสกับบุคคล
ที่มีสัญชาติไทย หรือ มีบุตรเกิดในประเทศไทย หรือจบการศึกษาใน ระดับ
อุดมศึกษาภายในประเทศไทยจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า
เดือนละ 30,000บาท และมีหลักฐานการเสียภาษีมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
ที่มีสัญชาติไทย หรือ มีบุตรเกิดในประเทศไทย หรือจบการศึกษาใน ระดับ
อุดมศึกษาภายในประเทศไทยจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า
เดือนละ 30,000บาท และมีหลักฐานการเสียภาษีมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
4.มีภูมิลำเนาในราชอาณาจักไทยต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย
ไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยนับจากได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
หรือมีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ที่ยืนยันได้ว่ามีภูมิลำเนาต่อเนื่องในราชอาณาจักรไทย
มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
ไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยนับจากได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
หรือมีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ที่ยืนยันได้ว่ามีภูมิลำเนาต่อเนื่องในราชอาณาจักรไทย
มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
5.มีความรูภาษาไทยตามที่กำหนดในกฎกระทรวง(พูดและฟังภาษาไทยได้เข้าใจ)
และจะต้องร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบีมีได้ และจำต้องผ่าการสัมภาษณ์จาก
และจะต้องร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบีมีได้ และจำต้องผ่าการสัมภาษณ์จาก
5.1 กรณีผู้ยื่นคำขอมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯให้ผ่านการสัมภาษณ์จากคณะทำงานพิจารณา
กลั่นกรองคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย
กลั่นกรองคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย
5.2 กรณีผู้ยื่นคำขอมีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ให้ผ่านการสัมภาษณ์จากคณะกรรมการ
ระดับมอบหมายเป็นประชาชนจังหวัด ซึ่งผู้ว่าราชการหรือรองผู้ว่าราชการ จังหวัดที่ได้รับ
หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเป็นเลขานุการ
ระดับมอบหมายเป็นประชาชนจังหวัด ซึ่งผู้ว่าราชการหรือรองผู้ว่าราชการ จังหวัดที่ได้รับ
หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเป็นเลขานุการ
6.ผู้ยื่นคำขอจะต้องผ่านเกณฑ์การให้คะแนนตามผนวก ข. รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คะแนน
จึงจะได้รับการพิจารณา
จึงจะได้รับการพิจารณา
7.เมื่อผู้ยื่นคำขอได้รับอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยแล้ว กระทรวงมหาดไทยจะแจ้งกระทรวง
การต่างประเทศดำเนินการแจ้งไปยังประเทศของผู้ยื่นคำขอ เกี่ยวกับการได้สัญชาติไทยดังกล่าว
การต่างประเทศดำเนินการแจ้งไปยังประเทศของผู้ยื่นคำขอ เกี่ยวกับการได้สัญชาติไทยดังกล่าว
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย
1.ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของผู้ยื่นคำขอ(ถ่ายเอกสารทุกหน้าที่มีบันทึกรายการ 5 ชุด)
2.ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ของผู้ยื่น(ถ่ายเอกสาร 15 ชุด)
3.ใบอนุญาตทำงาน(ถ่ายเอกสาร 1 ชุด)
4.รูปถ่ายขนาด 2*2 นิ้ว (ชายใส่สูทผูกเนกไท หรือแต่งชุดพระราชทาน หญิงแต่งกายสุภาพชน)
5.สำเนาทะเบียนบ้านทั้งครอบครัวประกอบด้วยของผู้ยื่นฯของภรรยาหรือสามี และขอบุตร(ถ้ามี)
(ถ่ายเอกสาร 5 ชุด)(ผู้ยื่น,สามีหรือภรรยา และบุตร ถ้ามี)
(ถ่ายเอกสาร 5 ชุด)(ผู้ยื่น,สามีหรือภรรยา และบุตร ถ้ามี)
6.สำเนาทะเบียนสมรสของผู้ขอ ถ้าเป็นภาษาต่างประเทศแปลแปลเป็นไทยให้สถาบัน
การแปลรับรองด้วย
การแปลรับรองด้วย
7.หลักฐานการฝากเงินจากธนาคาร หรือหนังสือรับรองการฝากเงินจากธนาคาร
(ไม่ควรน้อยกว่า 80,000บาท )
(ไม่ควรน้อยกว่า 80,000บาท )
8.หลักฐานการบริจาคการกุศล(ไม่น้อยกว่า 5,000บาท)
9.หลักฐานการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดาของผู้ขอฯย้อนหลัง 3 ปี
ให้สรรพากรรับรองสำเนาถูกต้อง
ให้สรรพากรรับรองสำเนาถูกต้อง
10.หลักฐานของบริษัท ห้าง ร้านที่ผู้ขอทำงานอยู่ เช่น ทะเบียนการค้า ทะเบียนพานิชย์
หนังสือรับรองการจดทะเบียน บัญชีผู้ถือหุ้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม(ภพ.20)และอื่นๆ
(ถ่ายเอกสารอย่างละ 1 ชุด)
หนังสือรับรองการจดทะเบียน บัญชีผู้ถือหุ้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม(ภพ.20)และอื่นๆ
(ถ่ายเอกสารอย่างละ 1 ชุด)
11.ภาษีนิติบุคคล(ภ.ง.ด.50) 3 ปีย้อนหลัง(กรณีผู้ขอฯมีหุ้นอยู่ในบริษัท)
12.หนังสือรับรองการทำงานระบุตำแหน่ง และอัตราเงินเดือน ออกโดยบริษัท ,ห้าง ,
ร้านที่ผู้ขอฯทำงานอยู่และลงนามโดยผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท และประทับตราเป็นสำคัญ
ร้านที่ผู้ขอฯทำงานอยู่และลงนามโดยผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท และประทับตราเป็นสำคัญ
13.สำเนาสูติบัตร หรือบัตรประจำตัวประชาชน หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวของคู่สมรส
และของบุตรทุกคน หากมีการเปลี่ยนชื่อตัว-ชื่อสกุล ให้ถ่ายเอกสารมาประกอบด้วย
และของบุตรทุกคน หากมีการเปลี่ยนชื่อตัว-ชื่อสกุล ให้ถ่ายเอกสารมาประกอบด้วย
14.หลักฐานการศึกษาของผู้ยื่นคำขอฯและของบุตรทุกคน(ถ้าเป็นภาษาต่างประเทศให้แปลเป็นไทยด้วย)
15.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้านของผู้รับรอง(ผู้รับรอง 2 คน ถ่ายคนละ 1 ชุด)
16.พาสปอร์ตของผู้ยื่นคำขอฯ(ถ่ายเอกสาร 1 ชุด)
17.หนังสือรังรองการบรรลุนิติภาวะตามกฎหมายของประเทศเดิม ที่ผู้ยื่นคำขอมีสัญชาติ
วันที่มายื่นคำร้องต้องนำเอกสารตัวจริงมาแสดงด้วย โดยผู้ขอต้องมายื่นคำขอด้วยตนเอง
โดยนำผู้รับรองมาสอบปากคำด้วยจำนวน 2 ปาก และเตรียมเงินค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอ
มาชำระด้วยจำนวน 5,000 บาท(ห้าพันบาทถ้วน)โดยยื่นคำขอที่ งาน 1 ฝอ.6บก.อก.บช.ส.
(แปลงสัญชาติ)อาคาร24 ชั้นล่างหากมีปัญหาหรือขัดข้องกรุณาสอบถามได้ที่
สอบถามได้ที่ โทร.0-2252-1714,0-2205-2970 และ 0-2252-2708 โทรสาร.0-2205-1901
การขอสัญชาติไทยของชาวต่างชาติ
การขอแปลงสัญชาติเป็นไทย
- คุณสมบัติของผู้แปลงสัญชาติเป็นไทย
- อายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี ถ้าต่ำกว่านั้นต้องมีเหตุอื่นประกอบ เช่น มีภรรยาเป็นคนสัญชาติไทย มี บุตรเกิดในประเทศไทย หรือเป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย หรือวิทยาลัยที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี (มหาวิทยาลัยเปิดต้องมีหน่วยกิตสะสม 15 หน่วยกิตขึ้นไป)
- ไม่เคยมีประวัติต้องโทษ เว้นประมาทหรือลหุโทษ แต่ไม่เกิน 2 ครั้ง
- ไม่ฝักใฝ่สัญชาติเดิม
- บำเพ็ญการกุศลและสาธารณประโยชน์
- ประกอบอาชีพเป็นหลักฐานและมีได้รายเดือนละ 5,000 บาท ขึ้นไป
- มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 10 ปี หรือมีภูมิลำเนาต่อเนื่อง 5 ปี ขึ้นไปแต่ต้องมีเหตุอื่นประกอบด้วยตาม ข้อ 1
- พูดและฟังภาษาไทยเข้าใจ
- หลักฐานการประกอบการยื่นคำขอแปลงเป็นสัญชาติไทย
- สำเนาทะเบียนบ้านทั้งครอบครัว มีชื่อผู้ยืนคำขอฯ ภรรยา และบุตรทุกคน 1 ชุด
- รูปถ่ายผู้ยืนคำขอฯ ขนาด 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 12 รูป ชายแต่งชุดสากล หรือชุดพระราชทานหญิงแต่งกายสุภาพ
- สำเนาใบเสร็จภาษีเงินได้ ภ.ง.ด.90 หรือ 91 หรือหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตาม มาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (ย้อนหลัง 3 ปี)
- ใบเสร็จหรือใบอนุโมทนาบัตรที่เคยบริจาคเงินบำรุงการกุศลสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ
- ใบเสร็จค่าเล่าเรียนหรือหนังสือรับรองการเรียนของบุตร หรือสำเนาประกาศนียบัตร หรือปริญญาบัตร ของบุตรคนละ 1 ชุด
- สำเนาสูติบัตรของบุตร หรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของบุตร ด้านหน้า- หลัง และสำเนาเอกสารการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล ของบุตร (ถ้ามี) คนละ 1 ชุด
- สำเนาใบสำคัญการสมรส (ค.ร.3) 1 ชุด (กรณีมีภรรยาเป็นคนสัญชาติไทย ต้องจดทะเบียนสมรสก่อนยื่นคำขอ)
- สำเนาใบทะเบียนการค้า หรือใบทะเบียนพาณิชย์ หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนฯหรือบริษัทฯ จำนวน 1 ชุด
- สำเนาใบเสร็จภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือสำเนาใบเสร็จภาษีการค้าย้ อนหลัง 3 ปี (ถ้ามี)
- หนังสือรับรองเงินฝากธนาคาร หรือสำเนาสมุดฝากเงินธนาคารหน้าที่มีชื่อ และหน้าที่มียอด ฝากครั้ง สุดท้าย
- หนังสือรับรองการทำงาน และเงินเดือนที่ได้รับ (โดยทำหนังสือถึงสารวัตร แผนก 1 กองกำกับการ 3 กองตำรวจสันติบาล) พร้อมกับสำเนาใบทะเบียนการค้าฯ ทะเบียนพาณิชย์หนังสือรับรองการจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนฯ หรือบริษัทฯ (ผู้ลงชื่อรับรองต้องเป็นผู้มีอำนาจผูกพันกับสถานประกอบการนั้น )
- สำเนาใบอนุญาติทำงาน 1 ชุด หน้า 2-3-4-5 และหน้าอื่น ๆ ที่ลงรายการไว้ โดยใบอนุญาตทำงานลง ตำแหน่ง อาชีพหรือวิชาชีพลักษณะของงาน, ท้องที่ที่ได้รับอนุญาต ชื่อนายจ้างหรือสถานที่ททำงานจะต้องตรงกับอาชีพปัจจุบัน
- ผู้รับรองซึ่งมีสัญชาติไทย 2 คน เพื่อยืนยันหลักทรัพย์ และความประพฤติของผู้ยื่นคำขอฯ
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของภรรยา ด้านหน้า – หลัง 1 ชุด
- สำเนาใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวทุกหน้าที่มีรายการบันทึก 1 ชุด
- สำเนาบัตรประจำตัวของผู้รับรอง ด้านหน้า- หลัง คนละ 1 ชุด
- วันยื่นคำขอฯ ต้องนำหลักฐานต้นฉบับไปพบเจ้าหน้าที่ด้วย
- การยื่นคำขอฯ
- ผู้ยื่นคำขอฯ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคำขอฯ ต่อผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจ สันติบาล
- ผู้ยื่นคำขอฯ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอื่น ให้ยื่นคำขอฯ ต่อหัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัด/ผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดนั้น
- คำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยครั้งละ 5,000 บาท
- คำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยสำหรับบุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะของผู ้แปลงสัญชาติเป็นไทยคนหนึ่งครั้งละ 2,500 บาท
- หนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทยฉบับละ 500 บาท
- ใบแทนหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทยฉบับละ 500 บาท
- คำขอกลับคืนสัญชาติไทยครั้งละ 1,000 บาท
- คำขออื่น ๆ ฉบับละ 5 บาท
น่ารู้
คนต่างด้าวขอแปลงและโอนสัญชาติเป็นคนไทย
ตอบลบการแนะนำว่าด้วยการยื่นคำร้องขอแปลงสัญชาติเป็นไทย(โดยย่อ)
อาศัยอำนาจตามระเบียบไม่เกี่ยวกับคดีลักษณะ 88 ซึ่งออกตามความใน พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 และกระทรวงมหาดไทยวางระเบียบกวดขันเรื่องการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ลงวันที่ 2 กันยายน 2512 ผู้ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยต้องมีคุณสมบัติอยู่ในเกณฑ์ ดังนี้
1.ผู้ยื่นแปลงสัญชาติเป็นไทยต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยต่อเนื่องกันนาน 10 ปี อายุ 40ปี ถ้าต่ำกว่านั้นต้องมีเหตุอื่นประกอบ เช่น มีภรรยาเป็นคนสัญชาติไทยและมีบุตรเกิดในประเทศไทย หรือเป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย หรือ วิทยาลัยที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี
2.ประกอบอาชีพเป็นหลักฐานมั่นคง ถ้าเป็นลูกจ้างหรือพนักงาน ต้องมีรายได้เดือนละ 5,000 บาท ขึ้นไป
3.ไม่เคยมีประวัติต้องโทษ เว้นประมาทหรือลหุโทษ แต่ไม่เกิน 2 ครั้ง
4.พูดและฟังภาษาไทยเข้าใจ
หลักฐานประกอบการยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย
1.ถ่ายสำเนาทะเบียนบ้านทั้งครอบครัว มีชื่อผู้ยื่นคำขอฯภรรยา และบุตรทุกคน รวม 1 ชุด
2.ถ่ายรูปผู้ยื่นคำขอฯ ขนาด 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 12 รูป ชายแต่งชุดสากล หรือชุดพระราชทาน หญิงแต่งกายสุภาพ
3.ถ่ายใบเสร็จภาษีเงินได้ ภ.ง.ด.90หรือ91ประจำปี พ.ศ.2522-2533-2534 หรือนำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 90 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร มาประกอบ
4 นำใบเสร็จหรือบัตรอนุโมทนาบัตรที่เคยบริจาคเงินบำรุงการกุศลสาธารณะประโยชน์ต่างๆรวบรวมมาให้มาก
5.นำใบเสร็จค่าเล่าเรียน หรือ หนังสือรับรองการเรียนของบุตรซึ่งกำลังเรียนมาประกอบหากบุตรจบการศึกษาแล้วให้ถ่ายประกาศนียบัตร หรือปริญญาบัตรมาประกอบคนละ 1 แผ่น
6.ถ่ายสูจิบัตร (ใบเกิด) ของบุตรมาประกอบคนละ 1 แผ่น หรือถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของบุตร ด้านหน้า - หลัง คนละ 1 แผ่น หากเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล ให้ถ่ายมาด้วย
7.ถ่ายใบสำเนาการสมรส ( ด.ร.3 ) 1 แผ่น ( มีภรรยาเป็นคนไทย ต้องจดทะเบียนสมรสก่อนยื่นคำขอฯ )
8.ถ่ายใบทะเบียนการค้า ใบทะเบียนพาณิชย์ หนังสือรับรองการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนฯ หรือบริษัท ( ถ้ามีอย่างใดให้ถ่ายประกอบเรื่องอย่างละ 1 แผ่น )
9.นำหนังสือรับรองเงินฝากธนาคาร ให้ธนาคารที่เปิดบัญชีฝากเงินไว้ออกหนังสือรับรอง หรือถ่ายสมุดฝากเงินธนาคาร หน้าที่มีชื่อและหน้าที่มียอดฝากครั้งสุดท้ายประกอบ
10.ถ้าเป็นลูกจ้าง หรือพนักงาน ให้บริษัทฯห้างฯหรือสำนักงานออกหนังสือรับรองหน้าที่ และเงินเดือนที่ได้รับ โดยทำหนังสือถึงสารวัตร แผนก 1 กองกำกับการ 3 กองตำรวจสันติบาลพร้อมกับถ่ายใบทะเบียนการค้าฯทะเบียนพาณิชย์ หนังสือรับรองการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนฯ หรือบริษัทฯ (ผู้ลงชื่อรับรองต้องเป็นผู้มีอำนาจผูกพันกับสถานประกอบการนั้น)
11.ถ่ายใบอนุญาตทำงาน 1 ชุด หน้า 2 - 3 -4 - 5 และหน้าอื่นๆ ที่ลงรายการไว้ อนึ่ง ใบอนุญาตทำงานลงตำแหน่ง อาชีพหรือวิชาชีพ ลักษณะของงาน ท้องที่ที่ได้รับอนุญาต ชื่อนายจ้าง หรือสถานที่ทำงานจะต้องตรงกับอาชีพปัจจุบัน
12.คำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ( ป.ช.1 ) หน้าที่ 4 ต้องมีผู้รับรอง 2 คน มีสัญชาติไทยลงชื่อ รับรอง และผู้รับรองต้องมาให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวน เพื่อยื่นยันหลักทรัพย์ และความ ประพฤติของผู้ขอแปลงสัญชาติ
13.ถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของภรรยา ด้านหน้า - หลัง 1 แผ่น
14.ถ่ายใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวทุกหน้าที่มีการบันทึก รวม 2 ชุด
15.ถ่ายบัตรประจำตัวผู้รับรองด้านหน้า และหลังคนละ 1 แผ่น
16.วันมายื่นคำร้องฯต้องนำใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ใบอนุญาตทำงาน และสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านมาด้วย
.
การพิสูจน์สัญชาติ
ตอบลบมีเงื่อนไขดังนี้
?บุตรของต่างด้าวที่เกิดในต่างประเทศ มีสัญชาติเป็นชาวต่างชาติ
?บิดาหรือมารดาคนหนึ่งคนใดต้องมีสัญชาติไทยขั้นตอนของการขอพิสูจน์สัญชาติบุตรซึ่งเป็นคน ต่างด้าวเป็นคนไทย
?ขอพิสูจน์สัญชาติที่กองตรวจคนเข้าเมือง
?ยื่นคำร้องที่ทำการอำเภอและจังหวัดที่บิดาหรือมารดาสัญชาติไทยมีภูมิลำเนาอยู่ในทะเบียน บ้าน
?กระทรวงมหาดไทยอนุญาตแล้วและจะกลับมาอำเภอและจังหวัดที่ภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน ของบิดาหรือมารดาที่เป็นคนไทย เพื่อเข้าชื่อบุตรต่างด้าวในทะเบียนบ้าน
การได้มาซึ่งสัญชาติไทย
1.การได้สัญชาติไทยโดยการเกิด
2.การได้สัญชาติไทยภายหลังการเกิด
3.การเปลี่ยนแปลงอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน
4.การได้สัญชาติโดยคำสั่งของฝ่ายบริหาร
สำหรับคนต่างด้าวที่จะขอแปลงและโอนสัญชาติมาเป็นสัญชาติไทย ได้ตามข้อ 2.คือการได้สัญชาติไทยภายหลังการเกิด ได้แก่
1.การได้สัญชาติโดยการสมรส คือการถือสัญชาติของหญิงชาวต่างชาติตามสามีที่เป็นคนไทย แต่การสมรสกับสามีที่เป็นคนไทยการสมรสไม่เป็นผลทำให้ผู้นั้นได้สัญชาติไทยตามสามีโดยทันที แต่ต้องอาศัยเจตนาของหญิงนั้นประกอบด้วย และเป็นดุลพินิจของฝ่ายปกครองที่จะออกคำสั่งทางปกครองที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้หญิงนั้นได้สัญชาติไทย จะเห็นได้ว่าการอนุญาตหรือไม่อนุญาตเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุด
มีข้อสังเกตว่าการได้สัญชาติไทยโดยการสมรสนี้สงวนไว้เฉพาะกับหญิงต่างด้าวเท่านั้นหาได้ใช้กับชายต่างด้าวด้วยไม่ ชายต่างด้าวแม้จะสมรสกับหญิงไทยโดยชอบด้วยกฎหมายไทย ก็หามีผลทำให้ชายต่างด้าวนั้นได้รับสัญชาติไทยตามภริยาไปด้วยไม่ สำหรับการหย่า แม้หญิงที่สมรสกับสามีที่เป็นคนไทยและได้รับสัญชาติไทยแล้ว แม้ต่อมาคู่สมรสได้หย่าขาดจากกันฝ่ายหญิงก็ยังคงมีสัญชาติไทยต่อไป สัญชาติไทยของหญิงหาได้สิ้นสุดตามการสมรสไปไม่
ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 กฎหมายยอมรับวิธีการแปลงสัญชาติออกเป็น 2 ประเภทคือ
1.การแปลงสัญชาติโดยวิธีปกติ จะมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างเคร่งครัดมาก
2.การแปลงสัญชาติโดยวิธีพิเศษ นั้นจะสงวนไว้เฉพาะกับบุคคลที่มีคุณสมบัติเฉพาะเจาะจงตามที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้นคือ ต้องเป็นบุคคลที่ได้ทำคุณงามความดีให้กับประเทศไทยหรือเป็นบุตรหรือภริยาของผู้ที่ได้ขอแปลงสัญชาติไทย หรือเคยเป็นคนไทยมาก่อนและต่อมาได้เสียสัญชาติไปไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
ที่สำคัญที่สุดคือการได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติจะมีผลก็ต่อเมื่อคำสั่งทางปกครองที่ออกโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตราบใดที่คำสั่งดังกล่าวยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาจะถือว่าคนต่างด้าวผู้นั้นมีสัญชาติไทยไม่ได้
.
คนต่างด้าวขอแปลงหรือโอนสัญชาติเป็นไทย
ตอบลบคนต่างด้าวยื่นคำร้องขอแปลงสัญชาติเป็นไทย โดยอาศัยอำนาจตามระเบียบไม่เกี่ยวกับคดีลักษณะ ๘๘ ออกตามความใน พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ และกระทรวงมหาดไทยวางระเบียบกวดขันเรื่องการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ลงวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๑๒ ผู้ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยต้องมีคุณสมบัติอยู่ในเกณฑ์ ดังนี้
๑. ผู้ยื่นแปลงสัญชาติเป็นไทยต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยต่อเนื่องกันนาน ๑๐ ปี อายุ ๔๐ ปี ถ้าต่ำกว่านั้นต้องมีเหตุอื่นประกอบ เช่น มีภรรยาเป็นคนสัญชาติไทยและมีบุตรเกิดในประเทศไทย หรือเป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย หรือ วิทยาลัยที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี
๒. ประกอบอาชีพเป็นหลักฐานมั่นคง ถ้าเป็นลูกจ้างหรือพนักงาน ต้องมีรายได้เดือนละ ๕,๐๐๐ บาท ขึ้นไป
๓. ไม่เคยมีประวัติต้องโทษ เว้นประมาทหรือลหุโทษ แต่ไม่เกิน ๒ ครั้ง
๔. พูดและฟังภาษาไทยเข้าใจ
หลักฐานประกอบการยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย
๑. ถ่ายสำเนาทะเบียนบ้านทั้งครอบครัว มีชื่อผู้ยื่นคำขอฯภรรยา และบุตรทุกคน รวม ๑ ชุด
๒. ถ่ายรูปผู้ยื่นคำขอฯ ขนาด ๒ นิ้วครึ่ง จำนวน ๑๒ รูป ชายแต่งชุดสากล หรือชุดพระราชทาน หญิงแต่งกายสุภาพ
๓. ถ่ายใบเสร็จภาษีเงินได้ ภ.ง.ด.๙๐ หรือ ๙๑ ประจำปี พ.ศ.๒๕๒๒-๒๕๓๓-๒๕๓๔ หรือนำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๙๐ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร มาประกอบ
๔. นำใบเสร็จหรือบัตรอนุโมทนาบัตรที่เคยบริจาคเงินบำรุงการกุศลสาธารณะประโยชน์ต่างๆรวบรวมมาให้มาก
๕. นำใบเสร็จค่าเล่าเรียน หรือ หนังสือรับรองการเรียนของบุตรซึ่งกำลังเรียนมาประกอบหากบุตรจบการศึกษาแล้วให้ถ่ายประกาศนียบัตร หรือปริญญาบัตรมาประกอบคนละ ๑ แผ่น
๖. ถ่ายสูจิบัตร (ใบเกิด) ของบุตรมาประกอบคนละ ๑ แผ่น หรือถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของบุตร ด้านหน้า - หลัง คนละ ๑ แผ่น หากเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล ให้ถ่ายมาด้วย
๗. ถ่ายใบสำเนาการสมรส ( ด.ร.๓ ) ๑ แผ่น (มีภรรยาเป็นคนไทย ต้องจดทะเบียนสมรสก่อนยื่นคำขอฯ)
๘. ถ่ายใบทะเบียนการค้า ใบทะเบียนพาณิชย์ หนังสือรับรองการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนฯ หรือบริษัท ( ถ้ามีอย่างใดให้ถ่ายประกอบเรื่องอย่างละ ๑แผ่น )
๙. นำหนังสือรับรองเงินฝากธนาคาร ให้ธนาคารที่เปิดบัญชีฝากเงินไว้ออกหนังสือรับรอง หรือถ่ายสมุดฝากเงินธนาคาร หน้าที่มีชื่อและหน้าที่มียอดฝากครั้งสุดท้ายประกอบ
๑๐. ถ้าเป็นลูกจ้าง หรือพนักงาน ให้บริษัทฯห้างฯหรือสำนักงานออกหนังสือรับรองหน้าที่ และเงินเดือนที่ได้รับ โดยทำหนังสือถึงสารวัตร แผนก ๑ กองกำกับการ ๓ กองตำรวจสันติบาลพร้อมกับถ่ายใบทะเบียนการค้าฯทะเบียนพาณิชย์ หนังสือรับรองการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนฯ หรือบริษัทฯ (ผู้ลงชื่อรับรองต้องเป็นผู้มีอำนาจผูกพันกับสถานประกอบการนั้น)
๑๑. ถ่ายใบอนุญาตทำงาน ๑ ชุด หน้า ๒ - ๓ -๔ - ๕ และหน้าอื่นๆ ที่ลงรายการไว้ อนึ่ง ใบอนุญาตทำงานลงตำแหน่ง อาชีพหรือวิชาชีพ ลักษณะของงาน ท้องที่ที่ได้รับอนุญาต ชื่อนายจ้าง หรือสถานที่ทำงานจะต้องตรงกับอาชีพปัจจุบัน
๑๒. คำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ( ป.ช.๑ ) หน้าที่ ๔ ต้องมีผู้รับรอง ๒ คน มีสัญชาติไทยลงชื่อ รับรอง และผู้รับรองต้องมาให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวน เพื่อยื่นยันหลักทรัพย์ และความ ประพฤติของผู้ขอแปลงสัญชาติ
๑๓. ถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของภรรยา ด้านหน้า - หลัง ๑ แผ่น
๑๔. ถ่ายใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวทุกหน้าที่มีการบันทึก รวม ๒ ชุด ๑๕. ถ่ายบัตรประจำตัวผู้รับรองด้านหน้า และหลังคนละ ๑ แผ่น
๑๖. วันมายื่นคำร้องฯต้องนำใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ใบอนุญาตทำงาน และสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านมาด้วย
.
การพิสูจน์สัญชาติ บุตรของต่างด้าวที่เกิดในต่างประเทศมีสัญชาติเป็นชาวต่างชาติ บิดาหรือมารดาคนหนึ่งคนใดต้องมีสัญชาติไทยขั้นตอนของการขอพิสูจน์สัญชาติบุตรซึ่งเป็นคนต่างด้าวเป็นคนไทย ขอพิสูจน์สัญชาติที่กองตรวจคนเข้าเมือง ยื่นคำร้องที่ทำการอำเภอและจังหวัดที่บิดาหรือมารดาสัญชาติไทยมีภูมิลำเนาอยู่ในทะเบียนบ้านกระทรวงมหาดไทยอนุญาตแล้วและจะกลับมาอำเภอและจังหวัดที่ภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านของบิดาหรือมารดาที่เป็นคนไทยเพื่อเข้าชื่อบุตรต่างด้าวในทะเบียนบ้าน
ตอบลบการได้มาซึ่งสัญชาติไทย
๑. การได้สัญชาติไทยโดยการเกิด
๒. การได้สัญชาติไทยภายหลังการเกิด
๓. การเปลี่ยนแปลงอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน
๔. การได้สัญชาติโดยคำสั่งของฝ่ายบริหาร
คนต่างด้าวที่จะขอแปลงและโอนสัญชาติมาเป็นสัญชาติไทย ได้ตามข้อ ๒.คือการได้สัญชาติไทยภายหลังการเกิด ได้แก่ การได้สัญชาติโดยการสมรส คือการถือสัญชาติของหญิงชาวต่างชาติตามสามีที่เป็นคนไทย แต่การสมรสกับสามีที่เป็นคนไทยการสมรสไม่เป็นผลทำให้ผู้นั้นได้สัญชาติไทยตามสามีโดยทันที แต่ต้องอาศัยเจตนาของหญิงนั้นประกอบด้วย และเป็นดุลพินิจของฝ่ายปกครองที่จะออกคำสั่งทางปกครองที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้หญิงนั้นได้สัญชาติไทย จะเห็นได้ว่าการอนุญาตหรือไม่อนุญาตเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุด มีข้อสังเกตว่าการได้สัญชาติไทยโดยการสมรสนี้สงวนไว้เฉพาะกับหญิงต่างด้าวเท่านั้นหาได้ใช้กับชายต่างด้าวด้วยไม่ ชายต่างด้าวแม้จะสมรสกับหญิงไทยโดยชอบด้วยกฎหมายไทย ก็หามีผลทำให้ชายต่างด้าวนั้นได้รับสัญชาติไทยตามภริยาไปด้วยไม่ สำหรับการหย่า แม้หญิงที่สมรสกับสามีที่เป็นคนไทยและได้รับสัญชาติไทยแล้ว แม้ต่อมาคู่สมรสได้หย่าขาดจากกันฝ่ายหญิงก็ยังคงมีสัญชาติไทยต่อไป สัญชาติไทยของหญิงหาได้สิ้นสุดตามการสมรสไปไม่
ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ กฎหมายยอมรับวิธีการแปลงสัญชาติออกเป็น ๒ ประเภทคือ
๑. การแปลงสัญชาติโดยวิธีปกติ จะมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างเคร่งครัดมาก
๒. การแปลงสัญชาติโดยวิธีพิเศษ นั้นจะสงวนไว้เฉพาะกับบุคคลที่มีคุณสมบัติเฉพาะเจาะจงตามที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้นคือ ต้องเป็นบุคคลที่ได้ทำคุณงามความดีให้กับประเทศไทยหรือเป็นบุตรหรือภริยาของผู้ที่ได้ขอแปลงสัญชาติไทย หรือเคยเป็นคนไทยมาก่อนและต่อมาได้เสียสัญชาติไปไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ที่สำคัญที่สุดคือการได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติจะมีผลก็ต่อเมื่อคำสั่งทางปกครองที่ออกโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตราบใดที่คำสั่งดังกล่าวยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาจะถือว่าคนต่างด้าวผู้นั้นมีสัญชาติไทยไม่ได้
สำหรับบุคคลใดที่อายุยังน้อยหรือมีเอกสารได้มาหรือที่ออกให้โดยมิชอบด้วยกฎหมายควรที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายมีระบุไว้ต่อไปเสียให้ถูกต้องน่าจะเป็นการดีและสมควรอย่างยิ่ง
.