บทความดีๆเกี่ยวกับแฟนฝรั่ง มาเล่าสู่กันฟัง ฝรั่งค่านิยมที่ทำให้สาวไทยนิยมมีแฟนฝรั่งนั้นนับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น บ้างก็ออกมาวิพากวิจารณ์ต่างๆนาๆมีทั้งดีและไม่ดี ปัจจุบันมีถึงขนาดนักวิจัยเข้าไปศึกษา เพื่อเก็บข้อมูลทำวิจัย เกี่ยวกับค่านิยม มีแฟนฝรั่ง วันนี้ลองมาอ่านบทวิจารณ์เกี่ยวกับ การมีแฟนฝรั่งกันดูบ้างว่าคนอื่นๆคิดกันยังไง ข้อมูลผลการวิจัย ผลวิจัยชี้ "บริโภคนิยม" ทำหญิงอีสานดิ้นอยากแต่งฝรั่ง นักวิชาการระบุ แนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เพราะเห็นช่องทางชีวิตดีกว่า นศ.ระดับปริญญายังเอ่ยปาก "ถ้าย้อนเวลาได้อยากมีแฟนฝรั่ง" ผอ.สพท.ขอนแก่น เขต 5 เผยมีเมียฝรั่งกระจายอยู่ทุกอำเภอ บางหมู่บ้านสืบทอดรุ่นต่อรุ่นจนเป็นเรื่องปกติ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหนองคาย เขต 1 ระบุว่า รู้สึกตัวชาเมื่อคราวได้ยินเด็กระดับอนุบาลบอกว่า "โตขึ้นหนูจะเป็นเมียฝรั่ง" เพราะเชื่อว่าทำให้รวย มีบ้านหลังใหญ่ ซึ่งเป็นการยึดติดวัตถุมากกว่าจิตใจ โดยปลัดกระทรวงวัฒนธรรมบอกว่า เพราะเด็กเห็นคนเป็นเมียฝรั่งมีความเป็นอยู่สบาย จึงซึมซับแนวคิดนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันดูแลแก้ไขนั้น จากรายงานผลการศึกษาวิจัยของ สศช. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกี่ยวกับหญิงไทยในภาคอีสานที่สมรสกับชาวต่างชาติ ระบุว่า ประมาณปี 2546 ที่ผ่านมา มีคู่สมรสหญิงไทยกับชาวต่างชาติจำนวน 19,594 คู่ จาก 19 จังหวัดภาคอีสาน โดยได้สำรวจภาคสนามจำนวน 219 ตัวอย่าง ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย ร้อยเอ็ด และบุรีรัมย์ หญิงที่แต่งงานกับชาวต่างชาติมีอายุต่ำสุด 17 ปี สูงสุด 60 ปี กลุ่มอายุระหว่าง 21-30 ปี มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 44.9 อายุระหว่าง 31-40 ปี คิดเป็นร้อยละ 39.7 อายุระหว่าง 41-50 ปี ร้อยละ 11.8 อายุระหว่าง 51-60 ปี ร้อยละ 0.7 อายุ 61 ปีขึ้นไป ร้อยละ 0.7 อายุต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 2.2 หญิงไทยที่แต่งงานกับคนต่างชาติจบการศึกษาระดับประถมศึกษาร้อยละ 69 รองลงมาคือระดับมัธยมศึกษา ร้อยละ 24 รายได้ของหญิงไทยในอีสานก่อนแต่งงานอยู่ที่ 2,900-4,600 บาท/คน/เดือน แต่หลังแต่งมีรายได้สำหรับใช้จ่ายส่วนตัวมากถึง 45,000 บาท/คน/เดือน โดยคู่สมรสชาวต่างชาติของหญิงไทยในภาคอีสาน ส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป ได้แก่ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษ ซึ่งสามีชาวต่างชาติส่วนใหญ่มีหน้าที่การงานที่มั่นคงและรายได้สูง เฉลี่ยเดือนละ 120,000-200,000 บาท จากการศึกษาวิจัยหญิงไทยในภาคอีสานทั้งก่อนและหลังแต่งงานกับชาวต่างชาติ พบว่าส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เมื่อวิถีการดำรงชีวิตเปลี่ยนไปโดยกลายเป็น "บริโภคนิยม" ทำให้เกิดค่านิยมเรื่องการแต่งงานกับชาวต่างชาติในกลุ่มหญิงไทย ซึ่งจากการวิจัยของนักวิจัยหลายสถาบันก็มีทั้งผลดีและผลเสีย เมื่อเด็กๆ รับรู้ว่าการแต่งงานกับชาวต่างชาติทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ก็อยากยกฐานะตัวเองขึ้นมาด้วยวิธีนี้เช่นกัน เพราะเขาเห็นฐานะที่ร่ำรวยขึ้น มีรถยนต์ขับ หรือนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศ ก็อาจทำให้คนรุ่นหลังคิดว่าวิธีการเช่นนี้จะทำให้ฐานะทางครอบครัวดีขึ้น แต่ในบางแง่มุมก็อาจมีข้อเสียก็ได้ แต่เขาไม่ได้รับรู้ในส่วนนั้น "แต่ในทางกลับกัน แม้ว่าเด็กจะอยากแต่งงานกับชาวต่างชาติมากขึ้น กลับไม่มีผลต่อการตัดสินใจศึกษาต่อ เพราะเด็กยังสนใจที่จะเรียนต่อให้สูงที่สุด มีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่คิดว่าเรียนไปก็หางานยาก จึงอยากรวยทางลัด ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเชื่อว่าพื้นฐานทางครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญ สภาพทางสังคมและการบริโภคนิยมเป็นตัวช่วยผลักดัน ทำให้คาดการณ์ว่าแนวโน้มเยาวชนอยากแต่งงานกับชาติต่างชาติมีสูงขึ้น" นายมนตรี กล่าว ด้าน รศ.ดร.ศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ อาจารย์ประจำวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่าในปัจจุบันวัยรุ่นมองไม่เห็นช่องทางหรือโอกาสในการก้าวหน้า เพราะผู้ที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี-โท ก็ตกงานถมเถไป หรือมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เคยสอบถามนักศึกษาบางกลุ่มในระดับอุดมศึกษาว่า คิดอย่างไรกับการแต่งงานข้ามชาติ มีนักศึกษาบางรายที่มีแฟนแล้วตอบว่า "ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็อยากจะมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ" เพราะเปลี่ยนแปลงชีวิตทันตาเห็น เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ ทั้งบ้าน รถ และเงินทอง ชี้ให้เห็นถึงทัศนคติว่า คนเชื่อมโยงกับสังคมวัตถุนิยมมากขึ้น เป็นตัวกระตุ้นให้คนมีความอยากมากขึ้น ใจร้อนมากขึ้น ไม่รอเก็บเงินเก็บทองเพื่อสร้างฐานะแต่อยากจะใช้วิธีนี้แทน เรียกได้ว่า "ใช้เศรษฐกิจเป็นตัวนำสังคม" นายอธิปปรัชญ์ ทัดพิชยางกูร ผอ.สพท.ขอนแก่น เขต 5 ซึ่งดูแลเขตพื้นที่ อ.ชุมแพ หนองเรือ ภูเวียง เวียงเก่า หนองนาคำ ภูผาม่าน และ สีชมพู กล่าวว่า ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ พบว่ามีหญิงไทยแต่งงานกับสามีฝรั่งกระจายอยู่ทุกอำเภอ บางหมู่บ้านมีลักษณะสืบทอดรุ่นต่อรุ่น เมื่อเด็กนักเรียนหรือเยาวชนเห็นฝรั่งในเขตชุมชนก็จะกลายเป็นเรื่องปกติ และอาจกลายเป็นค่านิยมที่ทำให้เด็กอยากมีสามีเป็นชาวต่างชาติ "ครั้งหนึ่งผมเคยสอบถามเด็กนักเรียนในสังกัด บอกว่า หลังจบการศึกษาภาคบังคับแล้ว จะไปอยู่ต่างประเทศ เนื่องจากคนในหมู่บ้านชักชวนไปทำงานบ้าน เพราะหากจะศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ครอบครัวก็ไม่มีเงินส่งเรียน เนื่องจากมีฐานะยากจน ครั้งหนึ่งผมเดินทางไปที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย พบลูกศิษย์รายหนึ่งที่มีโอกาสได้เรียนต่อต่างประเทศ เพราะพี่สาวได้แฟนเป็นชาวออสเตรเลียน สิ่งเหล่านี้เมื่อเยาวชนอื่นได้รับรู้ก็ใฝ่ฝันอยากได้สามีฝรั่ง ซึ่งยอมรับว่าค่านิยมแต่งงานกับชาวต่างชาติได้ค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในความคิดของเยาวชนในปัจจุบัน" 10 ขั้นตอนการใช้ชีวิตคู่ที่ดี วันนี้นำบทความเกี่ยวกับขั้นตอนการใช่ชีวิตคู่มาให้อ่านกัน ไม่ว่าจะมีแฟนเป็นคนไทยหรือ แฟนฝรั่ง ต่างชาติ ก็ต้องอาศัยความรักความเข้าใจต่อกันให้มากๆ เพื่อความรักที่ยืนยาวและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข 10 ขั้นตอนการใช้ชีวิตคู่ที่ดี 1. เป็นตัวของตัวเอง และยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น อย่าพยายามเปลี่ยนคนรักของคุณให้เป็นในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็น แฟนคุณอาจจะไม่ได้สวยเหมือนนางงาม หรือหล่อเหมือนนายแบบ ขอให้รักในสิ่งที่คนรักของคุณเป็น ยังมีอีกหลายสิ่งอีกมากมายในตัวคนรักของคุณ ซึ่งมากกว่าสิ่งภายนอกที่ตาของคุณมองเห็น 2. มีอะไรต้องพูดกัน สำหรับคุณผู้ชาย อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพูดต้องเล่าทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งบางทีคุณคิดว่ามันไร้สาระ ซึ่งต่างจากผู้หญิง อย่ามัวนั่งเดาความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่ให้เรียนรู้ที่จะพูดและแสดงออกว่าคุณรู้สึกอย่างไร เพื่อที่จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า คุณกำลังรู้สึกอะไร ต้องการอะไร ทำไมคุณถึงอารมณ์ไม่ดี หรือแม้แต่วันนี้ที่คุณอารมณ์ดีเนี่ย เป็นเพราะอะไร เมื่อคุณไม่ต้องการหรือหยุดที่จะถ่ายทอด บอกเล่าความรู้สึกของคุณให้กับอีกฝ่ายได้รับฟัง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของความรัก 3. หากิจกรรมทำร่วมกัน ข้อนี้ง่ายมาก หากิจกรรมอะไรก็ตามที่ทั้งคู่ สามารถทำด้วยกันแล้วมีความสุข กระทำร่วมกัน คุณอาจจะนั่งดูทีวี หรือไปเดินเล่นจูงมือกันในห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ตามแต่รสนิยมของคุณทั้งคู่ แล้วก็ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือเรียกว่าเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน โดยคุณผู้หญิงนานๆที ก็ลองนั่งดูรายการฟุตบอลรายการโปรดของแฟนคุณ เปลี่ยนบรรยากาศ ส่วนคุณผู้ชายก็อาจจะลองไปเดิน shopping เป็นเพื่อนแฟนคุณดูสักครั้ง แทนที่จะไล่ให้แฟนคุณไปช๊อบปิ้งกับเพื่อนของเธอ อาจจะทำให้ทั้งคู่เข้าใจอารมณ์ของกันและกันมากยิ่งขึ้น การที่คุณใช้เวลากับเพื่อนของคุณมากกว่ากับแฟนของคุณ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณอันตรายบ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ของคุณกำลังสั่นคลอน 4. พบกันคนละครึ่งทาง ถ้าหากแฟนหนุ่มของคุณกล้าที่จะโยนเสื้อตัวโปรด ขาดๆ เก่าๆ แต่คุณไม่ชอบของเค้าทิ้ง คุณก็ไม่ควรจะโกรธถ้าเค้าขอร้องให้คุณเก็บกวาดห้องให้เรียบร้อย ความสัมพันธ์ที่สมดุลและแนบแน่น ต้องประกอบไปด้วยการให้และการรับ เพราะฉะนั้นจงเรียนรู้ที่จะพบกันคนละครึ่งทาง 5. แสดงความรักของคุณให้เค้ารู้ ลองซื้อดอกไม้ ขนม หรือน้ำหอม ให้กับคนที่คุณรักอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าคุณจะคบกันมา 5 ปีแล้วก็ตาม มันจะทำให้คุณรู้สึกดีที่ได้แสดงความรักแก่คนที่คุณรักอย่างสม่ำเสมอ นี่เป็นการบริหารความสัมพันธ์ของคู่ของคุณ แม้ว่าจะคบกันมานาน หัดเอาใจใส่ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ ของคนที่คุณรักและแสดงให้เค้าเห็นว่า คุณใส่ใจ อาจจะเป็นเรื่องอาการไม่สบาย ขนมที่เค้าชอบ หรือสีโปรดของเขา สิ่งเหล่านี้ เรารับรองว่าถ้าคุณลองทำ ความรักของคุณจะชุ่มชื่น จนใครๆอิจฉา 6. ให้เกียรติซึ่งกันและกัน หยุดล้อเล่นและหัวเราะเยาะปมด้อย หรือข้อบกพร่องในตัวเค้า หากเป็นเป็นสิ่งที่คุณเคยชินที่จะทำ ลองไตร่ตรองดูว่า เขาหรือเธออาจไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกด้วยก็ได้ ถ้าหากว่าเค้ามีปมด้อย ตรงความเตี้ยของเขา คุณก็ควรจะหยุดเปรยชมคนตัวสูงๆ ที่บังเอิญเดินผ่านเข้ามา รู้มั๊ยว่านั่น เป็นการทำลายความมั่นใจและความรู้สึกของเขาโดยตรง ความรักเป็นเรื่องของการให้เกียรติซึ่งกันและกัน และแคร์ความรู้สึกของกันและกันตลอดเวลา 7. ลืมความหลังเก่าเสีย หยุดพูดถึงเรื่องเก่าๆ ไม่มีใครหรอกที่อยากจะพูดถึงและนึกถึงเรื่องที่เศร้าหรือเรื่องผิดพลาดในอดีตของตัวเอง รู้จักให้อภัยและเลิกขุดคุ้ยข้อผิดพลาดของกันและกัน ให้อดีตเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ปัจจุบันมากกว่า 8. เลิกนิสัยขี้อิจฉาของคุณ เราพนันได้เลยว่า ทุกคนมีความรู้สึกไม่ปลอดภัย และระแวงในช่วงต้นของความสัมพันธ์ แต่อย่าเปลี่ยนความรู้สึกไม่ปลอดภัยและระแวงมาเป็นความอิจฉา วิธีทดสอบว่าคุณเริ่มอิจฉาก็คือ คุณเริ่มที่จะตรวจสอบกระเป๋าสตางค์หรือของส่วนตัวของเค้า นั่นแหละ ใช่เลย คุณกำลังระแวงเค้าอยู่ ความอิจฉา หรือความขี้หึงก็เหมือนกับยาพิษที่ค่อยๆ ทำลายความรักและความสัมพันธ์ของคุณ ไปทีละเล็กทีละน้อยโดยที่คุณไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นจงเชื่อมั่นในตัวคนรักของคุณ ความรักจะต้องมีความมั่นใจเป็นพื้นฐาน 9. ฝึกเป็นคนรักษาคำพูด ถ้าคุณเป็นคนชอบผิดนัดและผิดสัญญา ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องจับเข่าคุยกันให้รู้เรื่อง หากคุณคิดว่าจะคุณจะมีคนรัก คุณก็ควรจะให้ความสำคัญแก่คนรักของคุณ และพยายามอย่าทำให้เค้าผิดหวัง ถ้าหากเป็นเรื่องที่ไม่สุดวิสัยจริงๆ เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกแย่เมื่อคนรักของคุณต้องรอคุณทานข้าว แล้วคุณไม่มา ถ้าหากคุณไม่สามารถทำตามสัญญา ก็อย่าสัญญา เพราะว่าเมื่อไรก็ตามที่คนรักของคุณ เริ่มที่จะรู้สึกว่า เค้าไม่มีความสำคัญต่อคุณสักเท่าไหร่ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณได้สูญเสียเค้าคนนั้นไปแล้วก็ได้ 10. จงซื่อสัตย์ต่อตนเองและคนรักของคุณ ความซื่อสัตย์ที่เราหมายถึงคือ การอธิบายความรู้สึกของคุณอย่างตรงไปตรงมาแก่คนรัก อย่าปิดบังความรู้สึก ถ้าคุณรู้สึกว่าเค้าทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวด หรือโกรธเคือง จงบอกเค้า อย่างไม่ต้องอาย ถ้าหากคุณไม่สามารถที่จะรักษาความซื่อสัตย์ต่อคนที่คุณรักได้แล้ว ใครล่ะ ที่คุณจะรักษาความซื่อสัตย์ด้วยได้ ความรักคือการให้ความซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน ในทางตรงกันข้ามความสัมพันธ์ที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ ก็อาจจะไม่ควรค่ากับความสัมพันธ์ที่คุณได้ทุ่มเทไป กฎหมายที่ต้องรู้ เมื่อคุณอยากมีแฟนฝรั่ง อย่างแรกขอดูเอกสารก่อน ขอดูใบอนุญาตเข้าเมืองกันก่อนเลย เพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้เป็นคนเถื่อนลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย เดี๋ยวจะยุ่งทีหลังเมื่ออยากจะมีแฟนฝรั่งทั้งทีก็ต้องเรียนรู้กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องให้พอมีติดตัวกันไว้บ้าง จะได้ไม่เสียรู้ฝรั่งหัวหมอ เป็นเมียนอกกฎหมายได้ การจดทะเบียนสมรส การจดทะเบียนสมรสเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกที่จะมองข้ามไม่ได้เลย จะแต่งทั้งทีก็ต้องทำให้ให้มันถูกต้องตามกฎหมาย การจดทะเบียนสมรสนั้นมีผลบังคับตามสถานที่ที่คุณไปจด เช่นจดที่ประเทศใดก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ(ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์๑๔๕๙) หรือจะเลือกจดกับสถานทูตไทยในประเทศนั้นๆ แต่ถ้าอยากเลือกจดแบบไทยๆก็เลือกจดกับสำนักงานเขตใกล้บ้านคุณได้เลย โดยฝ่ายชายและหญิงต้องบรรลุนิติภาวะหรือมีอายุ20ปีบริบูรณ์ หรือถ้าหากอายุน้อยกว่า17ปี ต้องให้พ่อแม่ของทั้ง2ฝ่ายเซ็นยินยอมการจดทะเบียนสมรสที่เมืองไทย มีข้อดีคือ แฟนฝรั่งของคุณจะต้องเสียสินสมรสหรือเรื่องคนต่างด้าวบ้างนิดหน่อย การจดทะเบียนสมรสเมียไทย สามีต่างชาติ ชายหญิงที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขของกฎหมาย ประสงค์จะจดทะเบียนสมรสเพื่อให้เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย สามารถดำเนินการได้ที่ฝ่ายปกครองสำนักงานเขตใดก็ได้1. การจดทะเบียนสมรสของคนสัญชาติไทยกับคนสัญชาติอื่นต้องมีหนังสือรับรองสถานทูตหรือสถานกงสุลซึ่งแปลเป็นไทย และผ่านการรับรองจากสถานทูตหรือกระทรวงการต่างประเทศ2. การจดทะเบียนสมรสสำนักงานเขต ผู้ร้องต้องจัดพาหนะรับ-ส่ง หรือจ่ายค่าพาหนะได้ตามที่จ่ายจริงและเสียค่าธรรมเนียม 200 บาท การสมรสของหญิงไทยในต่างแดน ระเบียบปฏิบัติเพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอรับการตรวจจองตราเพื่อการสมรสก่อนยื่นคำร้องขอรับการตรวจลงตราวีซ่า ในกรณีที่ต้องการที่จะทำการสมรสในต่างประเทศกับผู้ถือสัญชาติในประเทศนั้นๆ คู่สมรสของคุณจะต้องยื่นเอกสารต่างๆเพื่อประกอบหลักฐานอ้างอิงต่อสถานทูตดังนี้ สำเนารับรองถูกต้องตาม สูติบัตรต้นฉบับ(ออกโดยสำนักทะเบียนท้องถิ่น) สำเนารับรองถูกต้องตามทะเบียนบ้านต้นฉบับ(ออกโดยสำนักทะเบียนท้องถิ่น) ต้นฉบับหนังสือรับรองสถานภาพครอบครัว(ออกโดยสำนักทะเบียนท้องถิ่น) ในกรณีที่เคยเปลี่ยนชื่อสกุลหรือชื่อตัวของตน(รับรองโดยกระทรวงการต่างประเทศของไทย)ในกรณีที่เคยหย่าร้าง จำเป็นต้องแสดงสำเนารับรองถูกต้องตามต้นฉบับ ใบสำคัญการหย่าคือ สำเนาบันทึกทะเบียนการหย่า(ออกโดยสำนักทะเบียนท้องถิ่น)ในกรณีที่ผู้ยื่นขอยังไม่บรรลุนิติภาวะ จำเป็นต้องมีหนังสือให้ความยินยอมจากบิดามารดาหรือผู้ปกครอง(ออกโดยสำนักทะเบียนท้องถิ่น) ยื่นแสดงประกอบหนังสือมอบอำนาจ ซึ่งต้องเขียนบันทึกข้อความพร้อมลงนามต่อเจ้าหน้าที่งานตรวจลงตราประจำสถานทูตฯแนบพร้อมสำเนาหนังสือเดินทางหน้าแสดงรูปพรรณ การยื่นคำร้องขอรับการตรวจลงตราเพื่อการสมรสนี้ คู่สมรสของคุณจะต้องยื่นเอกสารต่อไปนี้ต่อสถานทูตฯ (สำคัญมาก) 1. เอกสารจากคู่สมรสฝ่ายที่พำนักอยู่ในประเทศที่ต้องการจดทะเบียน • ต้นฉบับ “หนังสือประกาศการสมรส ” ออกโดยสำนักทะเบียนท้องถิ่นประเทศนั้นๆ (+สำเนา2ฉบับ) • ต้นฉบับ “หนังสือค้ำประกัน” แบบฟอร์ม3บิช ซึ่งออกโดยสำนักทะเบียนท้องถิ่นประเทศนั้นๆ (+สำเนา2ฉบับ) • หนังสือรับรองถิ่นที่อยู่ สัญชาติ และสถานภาพครอบครัว โดยสำนักทะเบียนท้องถิ่นประเทศนั้นๆ (+สำเนา2ฉบับ) และ/หรือ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน • หลักฐานการยืนยันรายได้ที่พอเพียง (สลิปเงินเดือนที่ได้รับครั้งล่าสุด ,หลักฐานชำระภาษีอากร) (+สำเนา2ฉบับ) 2. เอกสารจากคู่สมรสฝ่ายไทย • หนังสือเดินทางซึ่งมีอายุบังคับใช้ไม่ต่ำกว่า 1 ปี นับหลังจากวันที่ยื่นคำร้อง (+สำเนาหน้าแสดงรูปพรรณ 2 ฉบับ) • แบบฟอร์มคำร้องขอรับการตรวจลงตราวีซ่าเข้าประเทศ จำนวน2ชุด พร้อมรูปถ่ายปัจจุบันจำนวน 2 รูป • หนังสือรับรองแพทย์ต้นฉบับ(+สำเนา 1 ฉบับ) • หนังสือรับรองความประพฤติดี หรือหนังสือรับรองการสอบประวัติ อาชญากร ต้นฉบับ (+สำเนา 1 ฉบับ) ขอได้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ • ต้นฉบับกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในทวีปยุโรป อาจเป็นของบริษัทประกันแห่งใดแห่งหนึ่งในประเทศไทย หรือประเทศในเครือยุโรปและอเมริกาก็ได้ จำนวน 1 ฉบับ (+สำเนา 1 ฉบับ) ผลประโยชน์ที่ได้รับความคุ้มครองต้องอยู่ในกำหนดวงเงิน 30,000 ยูโร เป็นอย่างน้อย การซื้อประกันสุขภาพนี้ จะซื้อได้ต่อเมื่อทราบว่า คำขอร้องวีซ่าของตนผ่านการอนุมัติ• ใบตรวจโรคเพื่อการจดทะเบียนสมรสในต่างประเทศ (+สำเนา 1 ฉบับ) ข้อควรรู้ • หากหย่าขาดจากสามีคนไทย ยังไม่ถึง 310 วัน จะไม่สามารถจดทะเบียนสมรสใหม่ได้ นอกเสียจากว่าจะคลอดบุตร จดทะเบียนสมรสกับสามีคนเดิม ตั้งครรภ์หรือมีคำสั่งศาลให้สมรสได้ • แฟนฝรั่งของคุณจะได้รับสัญชาติไทยเมื่ออยู่ในเมืองไทยไม่น้อยกว่า 5 ปี มีความรู้ภาษาไทยเป็นอย่างดี มีความประพฤติดี มีงานทำ และต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย • เงินที่ใช้ซื้อ ขาย รับ โอนที่ดิน ต้องเป็นทรัพย์สินส่วนตัวเท่านั้นไม่ใช่เงินจากสินสมรสและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแฟนฝรั่งของคุณด้วย พิธีหมั้นและแต่งงาน ( Engagement and Wedding Reception) วันนี้จะขอยกตัวอย่างพิธีแต่งงานของต่างชาติลองมาดูว่า ต่างชาติเขาแต่งงานกันยังไง แต่งแบบเยอรมัน หนุ่มเมืองเบียร์ เขาแต่งกันแบบฉลอง 3 วัน เน้นการกินเลี้ยงฉลองกัน ก่อนวันแต่งงาน เสร็จแล้วรุ่งเช้าก็เข้าโบสถ์ ทำพิธีต่อหน้าบาทหลวง เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะคุกเข่าต่อหน้าบาทหลวง เจ้าบ่าวจะใช้เข่าทับชายกระโปรงเจ้าสาวไว้ แสดงถึงการเป็นเจ้าของ เสร็จงานก็ฉลองกันต่อ ไม่เมาไม่เลิก แต่งแบบฝรั่งเศส พิธีจัดแบบสวยงาม ตกแต่งด้วยดอกไม้เน้นสีขาว ชุดเจ้าสาวก็มักใช้สีขาว รวมทั้งตกแต่งโบสถ์ที่ใช้ประกอบพิธี อย่างสวยงามด้วยเครื่องหอมและดอกไม้ เมื่อทำพิธีเสร็จ จะโปรยข้าวสาลี ใส่คู่บ่าวสาว เพื่อป้องกันเจ้าบ่าวเจ้าสาวจากสิ่งชั่วร้าย แขกเรื่อที่มาในงานจะนำดอกไม้มามอบให้คู่บ่าวสาวเพื่ออวยพร เสร็จพิธีจึงจะมีงานเลี้ยงฉลอง เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะดื่มเหล้า อวยพรให้กันจากถ้อยเดียวกัน แต่งแบบอังกฤษ เมืองผู้ดีเขานิยมแต่งกันในช่วงเก็บเกี่ยว-คริสต์มาส เพราะจะเป็นช่วงที่อุดมสมบรูณ์ที่สุด ก่อนแต่งงานจะมีการจัดปาร์ตี้ให้บ่าวสาว ได้สนุกกันอย่างสุดเหวี่ยง เพื่ออำลาชีวิตโสดเมื่อถึงรุ่งเช้าไปโบสถ์ จะให้บ่าวสาวขี่รถที่ตกแต่งอย่างสวยหรู ขณะเดินเข้าสู่พิธีจะโปรยข้าวบาร์เลย์ใส่ทั้งคู่เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้พ้นไป เมื่อทำพิธีเสร็จเจ้าบ่าวจะอุ้มเจ้าสาวออกมาข้ามธรณีประตู แขกเรื่อจะโปรยดอกไม้และ เศษขนมปังตามทางเดิน เพื่อให้เกิดความโชคดีแก่คู่บ่าว คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานแบบไทยๆ เพื่ออธิบายให้แฟนฝรั่งของคุณเข้าใจถึงวัฒนธรรมแบบไทยๆ ฝ่ายชายต้องให้สินสอดแก่เจ้าพ่อแม่ฝ่ายหญิง The groom must contribute {wedding gift/dowry} to the bride’s parents. ไม่ใช่การขายลูกสาว it’s not selling their daughter. เป็นเสมือนการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ It’s paying a gratitude to them for raising your wife. พ่อแม่ฝ่ายหญิงอาจจะเก็บไว้หรือคืนให้แก่คู่บ่าวสาว Bride’s parent have the right to keep or give back dowry to the newly wed. ฉันอยากแต่งงานที่เมืองไทย I want to have our wedding in Thailand . ค่าใช้จ่ายฉันออกเอง I’ll take care of wedding expenses. พิธีในเมืองไทย ให้เธอจัดการแล้วกัน I’ll let you handle Thai wedding. ไม่มีปัญหายังไงก็ได้ Anyway, No problem. ตามประเพณีไทย According to Thai culture.. การจัดเตรียมพิธี must have a matchmaker to… จัดขบวนแห่ขันหมาก groom’s procession/groom’s wedding. จากบ้านเจ้าบ่าวไปบ้านเจ้าสาว from groom’s house to bride’s house. ต้องมีการดูฤกษ์ยาม Must consult astrologer for a good date time. การจัดพิธีเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง Ceremonial is to honor the bride. เสน่ห์สาวไทยมัดใจแฟนฝรั่ง มาดูกันว่าเสน่ห์สาวไทยที่สามารถมัดใจแฟนฝรั่งผมทอง มีอะไรบ้างเพื่อคุณจะได้นำไปปรับใช้และบริหารให้ ตัวคุณยิ่งแพรวพราวมากยิ่งขึ้น 1.ยิ้มไทยๆ อันนี้เป็นจุดเด่นที่สาวใดๆในโลกต้องยอมสิโรราบ ยอมแพ้สาวไทยแน่ๆ ทำไมถึงพูดอย่างนั้น เมืองไทยเราขึ้นชื่อเรื่องรอยยิ้ม มานานเป็นรอยยิ้มที่จริงใจ ยิ้มที่ออกมาจากภายใน หรือที่เรียกว่ายิ้มพิมพ์ใจ ไม่มีอะไรแอบแฝง(หรือบางครั้งอาจจะมี) ไทยเราถูกขนานนามจากชาวโลก ว่า "Land of smile" มาเนิ่นนานแล้ว ใครๆมาเที่ยวเมืองไทยต้องประทับใจในรอยยิ้มคนไทยกันทั้งนั้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว คุณต้องบริหารรอยยิ้มเข้าไว้ ลองส่องกระจกแล้วยิ้มดูสิ มุมใหนที่คิดว่าสวยที่สุด รอยยิ้มที่จะดึงดูดทำให้หนุ่มประทับใจ ต้องประกอบไปด้วย สุขภาพอนามัยในช่องปากที่ดี ฟันหลอ ฟันเกก็ลองไปจัดทำให้มันดูดีขึ้นมาบ้างก็จะดีที่สุด ดูแลช่องปากไม่ให้ ส้มตำปูปลาร้า มันส่งกลิ่นกระจาย หนุ่นใหนๆก็คงต้องเผ่นกลับประเทศไปทั้งนั้น 2.ความอ่อนหวานนุ่มนวล อันนี้ก็เป็นจุดเด่นของสาวไทยเช่นกัน ที่ได้เปรียบสาวชาติอื่นใดในโลก ยิ่งรวมไปถึงการพูดจาอ่อนหวาน คะ ๆ ขาๆ เสียงรื่นหู น่าฟัง ทำเอาหัวใจหนุ่มอ่อนระทวยไปได้ทั้งนั้น ถ้าคุณเป็นคนพูดจาแข็งกระโดกกระเดก ต้องลองเปลี่ยนตัวเองบ้าง เพิ่มหางเสียงเข้าไปอีกนิดเท่านี้เสน่ห์ในต่อคุณก็เพิ่มแต้มได้อีกมากโข ความอ่อนหวาน ต้องไม่ใช่ความอ่อนแอ ขี้อาย จนน่ารำคาญ การเอาใจปรนนิบัติสามีนั้น ไม่พบเห็นในสาวฝรั่งนัก แต่จะมีอยู่ในสาวไทยแทบทุกคน จุดนี้ทำให้หนุ่มฝรั่งติดใจ หลงสาวไทยจนโงหัวไม่ขึ้นกันทั้งนั้น 3.ไม่มีอคติกับชาวต่างชาติ อันนี้ของมันแน่อยู่แล้วว่า คุณกำลังต้องการหาแฟนฝรั่ง ต้องไม่มีอคติกับชาวต่างชาติ มีผู้หญิงอีกหลายๆประเทศที่มีอคติ กับการคบชาวต่างชาติ แต่ไม่ใช่ในสาวไทยเรา บ้านเราค่อนข้างจะเปิดกว้างรับตรงนี้ได้ ทำให้เป็นเสน่ห์อีกข้อหนึ่งที่ฝรั่งประทับใจ และคนไทยสามารถปรับตัวเข้ากับคนชาติอื่นได้ง่าย ทำให้สาวไทยน่าคบหาขึ้นอีกมากในสายตาต่างชาติ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่อะไรก็ได้ง่ายๆสบายๆ ไม่จุกจิกมากเรื่องด้วยแล้ว อนาคตสดใสแน่ 4. สรีระสาวไทย รูปร่างเล็กกระทัดรัด ผิวดำขำออกไปทางผิวสีน้ำผึ้ง ที่สาวฝรั่งอิจฉาเรา สาวไทยจะคล้ายเด็กๆดูแล้วอ่อนหวานน่าทะนุทะนอม ผิวไทยจะเนียน ไม่มีฝ้าไฝ ตกกระเหมือนชาวต่างชาติ อาจจะมีร่องรอย ตีนกาบ้างอันนี้ฝรั่งไม่ถือสาอะไร ผิวพรรณของคนไทยมีความหลากหลายผสมผสานได้ลงตัว ไม่เหมือนโซนเอเชียชาติอื่น อย่างจีน เวียตนาม พม่า ญี่ปุ่น สิงคโปร์ก็มีเอกลักษณ์ที่มองแล้วดูออก ว่าเป็นชาติใด แต่สาวไทยเรียกได้ว่าเอาส่วนดีของทุกชาติมาผสมจนลงตัว ซึ่งหนุ่มฝรั่งจะชื่นชอบมาก 5.ความร่าเริงสดใส มีชีวิตชีวา สาวไทยเราทุกวันนี้ไม่ขี้อาย หรือกลัวฝรั่งเหมือนในอดีตทำให้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ความสนุกสนานมีอารมณ์ขัน เป็นกันเองกับชาวต่างชาติ ของสาวไทยทำให้คบหาแล้วไม่น่าเบื่อ ไม่ต้องสนใจว่าว่าจะสื่อภาษากันไม่รู้เรื่อง เรียกว่าคุยเอามันส์ไว้ก่อน หนุ่มฝรั่งจึงติดอกติดใจสาวไทยจนไม่อยากกลับประเทศเลยก็ว่าได้ 6.ความมีน้ำอดน้ำทน สาวไทยถูกเลี้ยงดูบ่มเพาะมาในขนบธรรมเนียมประเพณีแบบบ้านเรา ว่าต้องให้เกียรติสามี เพราะเป็นช้างเท้าหน้า จึงมีความอดทนอยู่ในโอวาท ของสามีได้ดีกว่า สาวฝรั่งที่มีความมั่นใจใม่แคร์สามี ทำให้การใช้ชีวิตคู่ของสาวไทยได้เปรียบในเรื่องการหย่าร้าง นอกจากนี้เรื่องความอดทนในการทำมาหากินสาวไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก มีหลายคู่ที่นำวัฒนธรรมแบบไทยไปเผยแพร่เป็นธุรกินกิจจนร่ำรวยในต่างแดนเลยก็มี ยกตัวอย่าง ร้านอาหารไทยในต่างแดน ที่ได้รับความนิยมมาก และสปาไทยที่ฝรั่งชื่นชอบเป็นพิเศษ เรื่องการทำมาหากินนี้มีช่องทาง จะบอกเล่ากันต่อไปในบทอื่นๆต่อไป ความจริงยังมีอีกมากที่เป็นเสน่ห์สาวไทยสาธยายไม่หมดแน่ๆ แต่ถ้าคุณมีแค่ 6ข้อนี้ ก็เพียงพอแล้วที่คุณจะกุมหัวใจแฟนฝรั่งของคุณจนอยู่หมัดแน่ๆคอนเฟิร์ม... ธรรมเนียมฝรั่ง บางอย่างที่ควรรู้ ธรรมเนียมฝรั่งที่สาวไทยควรรู้ไว้ • การทักทายแบบฝรั่งจะใช้วิธีเชคแฮนด์หรือจับมือ ยื่นมือขวาออกไปจับพร้อมบีบเบาๆเขย่านิดก็ได้ แต่อย่าบีบแรงเดี๋ยวได้เรื่อง • หากได้รับเชิญไปกินข้าวที่บ้าน ไม่ต้องทำกับข้าวใส่ถ้วยไปร่วมนะ ไม่เหมือนคนไทยที่แกงหน่อไม้ ไปกินกับเพื่อนบ้าน ตำส้มตำกินกันประเภทนั้น • เรื่องการนัดหมาย ฝรั่งเขาจะตรงเวลามาก อย่าเอานัดแบบไทยๆไปใช้กับเขานะ นัด 10 โมง มาเที่ยงห้ามใช้เด็ดขาด • หาก ไปกินข้าวที่บ้านเขารับเชิญ มีน้ำใจเอาไวน์ติดไปด้วยสักขวด ก็ไม่น่าเกลียด แต่อย่าให้ของขวัญกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน • เมื่อได้รับของขวัญ ก็แกะกล่องต่อหน้าผู้ให้ แล้วชมพร้อมทั้งขอบคุณเขาด้วย คนให้จะได้ปลื้มใจ • ไปบ้านเขาห้ามหยิบจับอะไรของเขาก่อนได้รับอนุญาต ฝรั่งเขาถือ ถ้าอยากจับต้องขออนุญาตเขาก่อน • ก่อนเจ้าของบ้านเขาจะลงมือ กินอาหารบางบ้านจะกล่าว ขอบคุณพระเจ้าหรือ มีบทสวด ก่อน • เวลาพูดก็ให้สบตากับเขา ถือเป็นการให้เกียรติ พูดคุยเรื่องทั่วๆไป อย่าถามเรื่องส่วนตัวมากเกินไป ฝรั่งเขามีความเป็นส่วนตัวสูง • อย่าแสดงอาการเหยียดสีผิว การนับถือศาสนา เชื้อชาติ • อย่านินทา ว่าร้ายคนอื่นให้ฝรั่งฟัง • ควรกล่าวคำขอบคุณเจ้าภาพที่เลี้ยงอาหารเรา ไม่ใช่กินเสร็จแล้วหนีกลับเลย ควรอยู่คุยสัพเพเหระกันสักหน่อยก่อนขอตัวแต่ไม่ใช่อยู่เม้าท์ จนเจ้าของบ้านเขาไม่ได้เข้านอน เมื่อแฟนฝรั่งของคุณไม่อยากกลับบ้าน เมื่อสามีหรือแฟนฝรั่งของคุณหลงคุณจนหัวปักหัวปำ อันเกิดจากเสน่ห์ที่คุณหว่านไว้ได้ผล จนไม่อยากกลับประเทศจะทำยังไง มีฝรั่งจำนวนไม่น้อยเลยที่เข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทยแบบเป็นการถาวร แหมจะไม่มาอยู่เลยได้ไง สาวไทยออกจะน่ารักขนาดนี้ เอาใจก็เก่งสารพัด หนุ่มใหนๆก็ไปไม่รอด คุณก็ต้องเตรียมช่องทางไว้สำหรับ แฟนฝรั่งของคุณไว้บาง ว่าจะให้เขาทำอะไรดีในเมืองไทย ทำมาหากินอะไรได้บ้าง มาดูกันว่าแฟนฝรั่งของคุณจะมาตั้งรกรากที่เมืองไทยต้องทำยังไงมีกรณีใดบ้างที่ทำได้ ตามกฎหมายแล้ว มี 7 ข้อ ถ้าแฟนฝรั่งของคุณไม่อยากกลับประเทศแล้ว เกิดอยากอยู่เมืองไทยไปตลอด แล้วต้องทำอย่างไรต่อดี หลังจากอยู่เมืองไทยไปได้สักระยะ แล้วเกิดเบื่ออยากทำอาชีพ อะไรเล่นแก้เบื่อ หรือประกอบอาชีพจริงๆจังๆ ลองมาดูว่าแฟนฝรั่งของคุณจะทำอะไรได้บ้าง 1. เพื่อทำงานหรือทำธุรกิจ 2. เป็นผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิชาการ 3. เข้ามาลงทุนในประเทศไทย 4. เข้ามาใช้ชีวิตบั้นปลาย (เหมาะกับสาวไทยที่มีแฟนฝรั่ง ที่ค่อนข้างจะมีอายุหน่อย) 5. เพื่ออุปการะภรรยาและ/หรือบุตรที่มีสัญชาติไทย 6. เพื่อมาอยู่ในความอุปการะของสามีหรือบิดาหรือบุตร ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่อาศัยแล้ว 7. เพื่อมาอยู่ในความอุปการะของสามีหรือบิดาผู้มีสัญชาติไทย ทั้งนี้ต้องยื่นร้องให้ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างน้อยต้องมีใบอนุญาตทำงาน และต้องมีเงินฝากแบงค์ปีละ 4 แสนบาท เพื่อเป็นหลักประกัน ข้อดีของการมีแฟนฝรั่ง วันนี้อยากจะมาพูดถึงข้อดีของการมีแฟนฝรั่งให้สาวไทยได้หัวใจชุ่มชื่นกันบ้าง แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าฝรั่งก็มีข้อเสียเหมือนกันแต่ด้วยใจที่รักจะโกอินเตอร์แล้วเรื่องเล็กน้อยบางเรื่องเราก็ต้องมองข้ามไปได้ เพื่อให้สาวไทยได้อธิบายกับว่าที่พ่อตาแม่ยายว่าลูกเขยผมทองมีข้อดีอะไรบ้าง จนต้องหันมาหลงรักและพาเข้าบ้านได้อย่างไม่เคอะเขินอีกทั้งยังเพื่อความสบายใจของพ่อแม่เราด้วยว่าคนที่เราจะฝากชีวิตไว้ด้วยนั้น มีอุปนิสัยใจคออย่างไร เพราะถ้าแต่งงานกันไปแล้วอาจต้องพลัดพรากจากอ้อมอกพ่อแม่ ไปไกลถึงต่างแดนการพาว่าที่ลูกเขยไปให้ญาติพี่น้องได้ดูตัวกันก่อนเพื่อความบริสุทธิ์ใจของทั้งสองฝ่าย อีกทั้งจะได้ช่วยกันสกรีนจากญาติฝ่ายเราด้วยว่า เขยคนนี้จะสอบผ่านหรือป่าว ฝรั่งบางคนอาจไม่เอาพี่เอาน้องเลยก็ได้เพราะว่าธรรมเนียมฝรั่งบางประเทศเขาเป็นอย่างนั้น อันนี้ญาติฝ่ายเราจะได้เข้าใจกันแต่เนิ่นๆ และจะได้ทำใจยอมรับได้ ข้อดีของเขยฝรั่ง มีความรับผิดชอบสูง ฝรั่งเขาจะให้เกียรติภรรยาตัวเอง และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวสูง ซึ่งความรับผิดชอบนั้นอาจเผื่อแผ่มาถึงญาติของฝ่ายภรรยาด้วย ดังจะเห็นว่าคนอีสาน นิยมเมียแฟนฝรั่งกันมาก เนื่องจากสามารถยกระดับความเป็นอยู่ได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนบางหมู่บ้านได้ ฉายาว่าหมู่บ้าน....ฝรั่ง เนื่องการมีแฟนฝรั่งสามารถเห็นว่าฐานะทางการเงินดีขึ้น บ้านไหนมีลูกเขยฝรั่งจึงเป็นที่อิจฉาของหลายๆคน ความจริงตอนอยู่บ้านเขาฝรั่งเขาก็อาจจะไม่ได้เป็นเศรษฐีมาจากไหนแต่ด้วยค่าเงินที่แตกต่างกันมากกับบ้านเรา ทำให้เมื่อมาอยู่บ้านเราเขาก็กลายเป็นคนมีอันจะกิน หรือถึงขั้นรวยเลยก็ได้ดังนั้นฝรั่งที่มาเที่ยวเมืองไทยจึงเห็นเขาใช้เงินกันอย่างสบายมือ หลายคนถึงขั้นมาซื้อบ้านให้พ่อตาแม่ยายอยู่หลังใหญ่ ราคาเป็นล้านได้สบายๆ แถมเผื่อแผ่ถึงญาติพี่น้องได้อยู่ดีกินดีกันอีกต่างหากนอกจากนี้พอแต่งงานกันไปแล้วมีลูกด้วยกัน อาจจะเป็นการอัพเกรดลูกหลาน เป็นลูกครึ่งตาสีฟ้าผมทอง หน้าตาน่ารักน่าชัง เป็นที่ปลาบปลื้มของตายายอีกต่างหาก สาวไทยที่ได้เดินทางไปอยู่ต่างประเทศยังได้เปิดโลกทัศน์ของตัวเองได้ไปเห็นโลกกว้างขึ้น ฝรั่งที่เขารักภรรยาเขาไม่อยากให้ภรรยาตัวเองต่ำต้อยกว่าคนอื่น เขานิยมส่งเสริมให้เมียตัวเองได้อัพเกรดมากยิ่งขึ้นด้วยการสนับสนุนให้หาความรู้เพิ่มเติมทั้งเรื่องส่งไปเรียนภาษา หรือเข้าฝึกอบรมทำอาหาร เข้าคอร์สเสริมสวยจนกลับมาบ้านที่เมืองไทยแต่ละทีคนเกือบจำไม่ได้เลยก็มี สาวไทยหลายคนไปอยู่เมืองนอก เอาวิชาตำราอาหารไทยไปเผยแพร่ เปิดเป็นร้านอาหารไทยต้นตำหรับซึ่งทุกวันนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงมาก ในต่างประเทศ ยิ่งถ้าสามีสนับสนุนเรื่องร้านอาหารยิ่งไปได้สวย อาจเป็นเศรษฐีอยู่ที่ต่างประเทศเลยก็ได้ แฟนไทย VS แฟนฝรั่ง เรา มาดูข้อเปรียบเทียบแบบตัวต่อตัว ระหว่างหนุ่มไทย กับหนุ่มฝรั่งกันเลยดีกว่า แฟนไทย ไซด์ มาตรฐาน ตามแบบลักษณะคนเอเชีย พูดจาเสนาะหู คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง อะไรประมาณนั้น รักพี่ รักน้อง (เมีย)พระยาเทครัว เจ้าชู้ไก่แจ้ ครบเครื่อง full option สุรา นารี พาชี กีฬาบัตร รักวันสำคัญ วันเกิด วันแก่ ปีใหม่ ปีเก่า เมาได้ทุกวัน มนุษยสัมพันธ์ดีไปทั่ว โดยเฉพาะกับหญิงอื่น เลี้ยงเมีย ด้วยลำแข้ง เลี้ยงเมียแบบบุฟเฟ่ต์ หากินเองได้ตามใจ ฉลาดในเรื่องที่ไม่ควรฉลาด ใช้อวัยวะบางส่วน มากกว่าสมอง ไม่ชอบพาเมีย ออกไปโชว์ตัวนอกบ้าน แบบที่เรียกว่าเก็บไว้บนหิ้ง ชอบทับ มากกว่ารับ แฟนฝรั่ง สูงใหญ่ ไซด์ฝรั่ง ให้เกียรติภรรยา ไม่นิยมซ้อมเมีย รักทีละคน คบทีละคน ตรงต่อเวลา ไม่ยึดติดกับอดีต ของผู้หญิง ใจกว้าง ให้ผู้หญิงมีอิสระเต็มที่ ไม่ติดเพื่อนมาก เกินไป ส่วนใหญ่จะติดเมีย ไม่ชอบมีเมียมาก(บ้านเล็ก) เอาใจเก่ง โรแมนติก ทุ่มเทให้ให้ลูกเมีย รับผิดชอบสูง ** แต่ถึงอย่างไรต้องเลือกดูให้ดี เพราะไทยหรือเทศก็มีดีเลวปนๆกันไป ** ความกดดันที่เมียฝรั่งต้องเจอ เมื่อคุณประสบผลสำเร็จในการเลือกคู่หรือมีแฟนฝรั่งสมใจอยากแล้ว ตอนนี้ชีวิตน่าจะลงตัว แต่.....ยังมีสิ่งที่คุณต้องเตรียมตัวยอมรับและเตรียมใจไว้รับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วย ชีวิตไม่มีกลีบกุหลาบรองรับแน่ไม่ว่าจะได้แฟนไทยหรือฝรั่ง มาดูกันว่าคุณต้องเจออะไรบ้างคุณต้องฝ่าฟันมันไปสาวไทยใจเกินร้อยอยู่แล้วเป็นกำลังใจให้ 1.สายตาชาวบ้าน ที่มองคุณ มีทั้งชื่นชม (อิจฉา) และดูถูก คุณต้องทำใจยอมรับและต้องทำใจได้ ต้องไม่สนใจ อย่าแคร์ชาวบ้าน เพราะนี่คือทางที่คุณได้ตัดสินใจเลือกแล้วว่าดีที่สุดสำหรับคุณ ชาวบ้านอาจนินทากันบ้างก็ไม่ต้องสนใจเสียงนกเสียงกา เชิดเข้าไว้ ไม่ได้ทำให้ใครเดือนหรือร้อนโกงบ้านโกงเมือง เพราะนี่คือชีวิตเราเรามีความสุขก็โอเค ถ้าคุณทำใจได้ก็ผ่านข้อนี้ไปได้ 2.ความกดดันจากครอบครัว อันนี้สำคัญมาก เพราะแฟนฝรั่งที่คุณพยายามเลือกแล้ว แต่อาจเกิดผิดพลาดอย่างใดอย่างหนึ่ง สมมุติ เจอคนดีแต่ฐานะอาจไม่ได้ดีอย่างที่หวังแล้ว คุณก็ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น อันนี้จะต้องเจอความกดดันจากคนรอบๆตัวคุณ โดยเฉพาะคนในครอบครัว ที่บังเอิญไปเจอค่านิยมที่ว่าได้แฟนฝรั่งแล้วต้องรวยหรู มีบ้านหลังใหญ่ๆ มีรถ มีทองหยองเต็มตัว มีเงินทองใช้สอยสบายเป็นคุณนายชี้นิ้ว ไม่ต้องทำงาน สบายทั้งชาติ อันนี้มันในอุดมคติใครๆก็อยากได้ เมื่อไม่ได้ดังใจครอบครัว ญาติพี่น้องก็จะตั้งคำถาม กรอกหูพร้อมทั้งเปรียบเทียบกับคนอื่นต่างๆนาๆ ว่าบ้านนั้น บ้านนี้ ทำไม? เขามีอย่างนั้น? อย่างนี้ ? อย่างโน้น? ทำไมเขารวย? เผื่อแผ่ญาติพี่น้องได้สบาย? อันนี้คุณต้องอธิบายและพร้อมจะรับมือกับมัน ข้อนี้น่าเป็นห่วงเมียฝรั่งทุกๆคน เป็นกำลังใจให้ 3.เมียฝรั่งเป็นผู้หญิงไม่ดี อันนี้เป็นความคิดเห็นจากหลายคนที่จะมองคุณว่าจับฝรั่งเพื่ออัพเกรดหรือยกระดับตัวเอง หรือคุณเป็นผู้หญิงอย่าว่า เป็นเมียเช่า บลาๆๆๆๆ คุณไม่สามารถห้ามความคิดคนได้และไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใครๆได้เลย เพราะฉะนั้นต้องทำใจและดำเนินชีวิตของเราให้มีความสุขต่อไปแบบไม่ต้องสนใจความคิดใคร เชื่อมั่นในความรักที่คุณมีต่อแฟนฝรั่งของคุณ ให้เขาคิดกันต่อไป (แกมอิจฉา) 4.อาจต้องเปลี่ยนแฟนหลายครั้ง เมื่อแต่งงานกับแฟนฝรั่งแล้วอาจไม่เป็นอย่างที่ใจคุณคิด หรือแฟนที่เลือก มันไม่ดีจริงๆทำไมคุณต้องทนใช้ชีวิตทั้งชีวิต ดักดานอยู่ต่อไปล่ะ คุณต้องเผื่อแผน2ไว้ในใจบ้าง เพราะนี่คือชีวิตจริงที่คุณต้องเผชิญ คุณ จะรับได้หรือเปล่า การหย่าร้างไม่ใช่ความล้มเหลวในชีวิต เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่คุณกำลังจะเจอต่อไป แต่คุณต้องวางแผนไว้แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายต่างๆจากผลของการหย่าร้างเช่น ลูกติด การแบ่งทรัพย์สิน ปัญหาทางกฎหมายต่างๆ คุณต้องเตรียมตัวรับตั่งแต่เนิ่นๆ เช่นถ้ายังไม่แน่ใจว่าใช่ชีวิตที่คุณต้องการก็ยังไม่ต้องมีลูกเป็นต้น 5.การปรับตัว สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตกำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือไม่คุณต้องปรับตัวและยอมรับได้ อย่างแรกคือเมื่อแต่งงานแล้วส่วนใหญ่สาวไทยที่มีแฟนฝรั่งมักจะต้อง ตามสามีฝรั่งกลับประเทศความแตกต่างทั้งทางเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม ภูมิประเทศ การใช้ชีวิต อาหารการกิน ฯลฯ สิ่งที่คุณต้องเจออาจจะทำให้คุณต้องปรับตัวกันยกใหญ่ แรกๆมักจะป่วยทางใจกันทั้งนั้นหรือที่เรียกกันเล่นๆว่า “home sick” แหมจะไม่ให้คิดถึงบ้านได้ยังไง ต้องห่างบ้านไกล ข้ามน้ำข้ามทะเลไปอยู่คนละซีกโลก หน้าตาคนรอบข้างก็ไม่คุ้นเคย จะสื่อสารกันก็ยากลำบาก ส้มตำปลาร้าที่เคยกิน ก็หากินไม่ได้ หรือรสชาติก็ไม่ถูกปาก ความกดดันนี้อาจจะต้องค่อยๆปรับตัวสักระยะเดี๋ยวก็คุ้นชินกันไปเอง บทสนทนากับแฟนฝรั่ง ประโยคง่ายๆไว้ทักทายแฟนฝรั่ง วันนี้ขอเสนอประโยคง่ายๆไว้ใช้ทักทายแฟนฝรั่งของคุณ Hello. สวัสดี how are you ? คุณเป็นอย่างไรบ้าง Where are you from ? คุณมาจาก ไหน/ประเทศอะไร I'am glade to talk to you. ฉันดีใจที่ได้คุยกับคุณ Can you speak thai ? คุณพูดภาษาไทยได้มั๊ย A little bit./ very little. ได้นิดหน่อย/ได้บ้าง what is your job. คุณทำงานอะไร how old are you ? คุณอายุเท่าไหร่ where do you live now ? คุณพักอยู่ที่ไหน Are you married ? คุณแต่งงานหรือยัง I'm still single. ฉันยังโสดอยู่ How do you spend your holidays usually ? วันหยุดคุณทำอะไร You are attractive. คุณเป็นคนมีเสน่ห์ Can i have your phone number ? ฉันขอเบอร์โทรคุณได้มั๊ย Can i call you ? ฉันโทรหาคุณได้มั๊ย I feel so happy. ฉันรู้สึกดีจัง I would like to see you again. ฉันอยากเจอคุณอีกจัง Are you free ? คุณว่างมั๊ย Would you like to go out with me ? คุณอยากไปเที่ยวกับฉันมั๊ย Sorry, i can't go. ขอโทษ ฉันไม่วาง I'am busy today. ฉันไม่ ว่างวันนี้ Maybe nex time. ไว้โอกาสหน้านะ Where are we going nex ? เราไปต่อที่ไหนกัน/ไปไหนกันต่อ Do you have fun ? คุณสนุกมั๊ย I'm have fun ฉันรู้สึกมีความสุขจัง Today is very special day for me. วันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับฉัน We'll got out again nex time. เราจะไปไหนกันต่อ When you need me, I'll be there. ถ้าคุณต้องการ ฉันจะมาอีก You're so cute. คุณน่ารักจัง Hop to see you soon. หวังว่าจะได้เจอคุณเร็วๆนี้ ช่องทางสำหรับการหาแฟนฝรั่ง วิธีที่จะรู้จักกับแฟนฝรั่งนั้นมีมากมายหลายช่องทางแล้วแต่คุณจะเลือกใช้ เรามาดูกันว่ามีช่องทางใดบ้างที่คุณจะมีโอกาสได้เจอหนุ่มในฝันของคุณ 1.เวบไซด์สื่อรัก สมัยนี้อะไรก็ทันสมัยหมดแล้วเรามีวิธีติดต่อสื่อรักมากมาย ที่นิยมในปัจจุบันมีมากมายหลายวิธี แต่ที่นิยมนั้นเห็นจะเป็น การสื่อรักผ่าน internet เพราะทั้งรวดเร็วทันใจและตรงกลุ่มเป้าหมาย ปัจจุบันมีให้เลือกใช้มากมายและส่วนใหญ่ให้ใช้บริการฟรีอีกต่างหาก โดยเข้าไปสมัครเป็นสมาชิก แล้วสมารถโพสต์รูปและข้อมูลส่วนตัวไว้ แล้วหนุ่มผมทองที่เกิดปิ๊ง คุณขึ้นมาจะติดต่อกลับมาหาคุณ วิธีนี้ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน 2.ผ่านการแชต อันนี้ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน หากคุณใช้คอมพิวเตอร์อยู่แล้วเชื่อว่าทุกคนคงเคย แชตยิ่งคุณมีเวบแคมจะช่วยให้คุณเห็นหน้าค่าตา คนที่คุณกำลังแชตอยู่อีกซีกโลกได้อย่างสบาย เทคนิคการแชตก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคนว่าจะ เด็ดแค่ไหนหนุ่มๆอาจเข้ามาติดคุณหลายคนพร้อมกันจนสับรางไม่ถูกกันเลยก็ว่าได้ แล้วแต่เทคนิคส่วนตัว 3.ผ่าน email จดหมายรักอิเลคทรอนิค ก็ได้รับความนิยมเช่นกันแต่วิธีนี้ใช้กรณีแบบสานสัมพันธ์แบบไม่เร่งรีบ หรือแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อน 4.บริษัทจัดหาคู่ เดี๋ยวนี้ก็มีบริษัทหลายแห่งจัดตั้งขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่ต้องใช้บริการกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ จดทะเบียนถูกต้องเพื่อไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง คุณอาจต้องลองเช็คตรวจสอบประวัติกันนิดหน่อยเพื่อความสบายใจ 5.บุกทำเลฝรั่ง วิธีนี้ใช้กับสาวที่ใจกล้าใจถึงหน่อย ซึ่งเป็นวิธีที่สาวบาร์ ที่ต้องการจะจับฝรั่งใช้กัน นิยมใช้กับแหล่งที่หนุ่มๆฝรั่งนิยมไปเที่ยวกัน เช่นพัทยา พัทพงษ์ ภูเก็ต หรือแม้แต่ถนนข้าวสาร ฯลฯ ที่เป็นแหล่งรวมตัวกันของหนุ่มๆผมทองวิธีนี้ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงหน่อย ต้องระวังตัวกันเอาเองหากคิดจะใช้ 6.การแนะนำผ่านเพื่อน ติดต่อผ่านเพื่อนคนไทยที่ประสบผลสำเร็จในการหาคู่แล้ว คือ แนะนำบอกกันต่อๆกันมาอีกทอดหนึ่ง อันนี้ก็ใช้ได้ผลเช่นกัน สาวๆอิสานที่เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันก็นิยมใช้วิธีนี้ได้ผลเช่นกัน อันนี้ใครจะเลือกใช้วิธีไหนก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนแต่ต้องระมัดระวังให้มาก วิธีไหนที่ไม่ปลอดภัยก็ไม่ควรเลือกใช้ ต้องใช้วิจารญาณ ให้มากในการเลือกคบคนเพราะเป็นคนต่างชาติต่างภาษาและวัฒนธรรมด้วย บางทีเราก็ไม่เข้าใจเขาในบางเรื่อง บทสนทนาเมื่อสาวไทยต้องไปต่างประเทศ คำทักทายแบบง่ายๆ Hello. (เฮลโล) สวัสดี Hi! (ไฮ) สวัสดี (กรณีคุ้นเคยกัน) Nice to meet you. (ไนซ์ทู มีต ยู) ยินดีที่ได้เจอคุณ,ยินดีที่ได้รู้จัก Good morning. (กูด มอร์นิ่ง) สวัสดี ตอนเช้า Good evening. (กูด อีฟนิ่ง) สวัสดี ตอนเย็น Good night. (กูด ไนท์) ราตรีสวัสดิ์ Good bye. (กูด บาย) ลาก่อน Thank you. (แทงค์กิ้ว) ขอบคุณ How are you today. (ฮาว อาร์ ยู ทูเดย์) วันนี้คุณเป็นไงบ้าง ,วันนี้คุณสบายดีหรือป่าว การแนะนำตัวเอง My name is……….(มาย เนม อีส) ฉันชื่อ............ Where are you from ? (แวร์ อาร์ ยู ฟรอม) คุณมาจากประเทศอะไร I’am from Thailand.(ไอม์ แอม ฟรอม ไทยแลนด์) ฉันมาจากประเทศไทย I’am tourist.(ไอม์ แอม ทัวริสต์) ฉันเป็นนักท่องเที่ยว I’am on holiday. (ไอม์ แอม ออน ฮอลลิเดย์) ฉันลาหยุดพักผ่อน I enjoy overseas travel. (ไอม์ เอนจอย โอเวอร์ซีส์ แทรเวล) ฉันชอบการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ คำศัพท์ที่มักจะพบในแบบฟอร์มเข้าประเทศ Family Name (แฟมิลี่ เนม) นามสกุล First Name (เฟิร์ส เนม) ชื่อตัว Birth Date (เบิร์ท เดต) วัน เดือน ปีเกิด Country of Citizenship (คันทรี ออฟ ซิติเซนชิฟ) สัญชาติ Sex (เซ็กซ์) เพศ Male (เมล) ผู้ชาย Female (ฟีเมล) ผู้หญิง Country Where You Live (คันทรี แวร์ ยู ลีฟ) ประเทศที่คุณอาศัยอยู่ City Where You Board (ซิตี้ แวร์ ยู บอร์ด) เมืองต้นทางที่คุณขึ้นเครื่องบิน Address While in- (แอดเดรส ไวล์ อิน) ที่อยู่ที่คุณจะไปพัก Posted by kasor at วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 27, 2009 ตัวอย่างความรู้สึกที่แฟนฝรั่งมีต่อสาวเอเชีย นี้เป็นเพียงแนวคิดของฝรั่งบางคนที่มีภรรยาเป็นคนเอเชีย อยากให้ลองอ่านดูว่าแนวคิดเขาที่มีสาวๆแถบบ้านเราว่าเป็นอย่างไร เผื่อต่อไปในอนาคตจะได้คุยกันให้เข้าใจว่า เป็นเพราะอะไร และต้องปรับทัศนคติให้ตรงกัน Problems with Having an Asian Wife I have traveled in SE Asia for many years and one of the main attractions for me is the delights of the local women. For many westerners including myself, Asian women are an addiction with no return ticket. Try one and it is hard to go back to western women. So what is it about Asian women? They look so cute and feminine. They have usually got good bodies and keep their figures much longer than western women do. They instinctively know how please a man, to make him feel special, and they use this same talent in bed. In short, they are loving, caring - and sexy too. What more could a man ask? Not surprisingly, I now have an Asian wife. She's of Chinese origin but was born in Thailand. She is wonderful in many ways but there are 2 major problems that I will have to come to terms with if we are to continue together. The problems are firstly money and secondly her family: and of course the 2 problems are interlinked. Firstly about her family. There is an endless procession of relatives who need help with this or that, and their demands can never be satisfied. The family is like a bottomless pit into which I throw my time, energy and money. Her relatives have a trusting faith that they can keep on milking me for ever, and my patience and the money will never run out. Of course we have drawn the line many times but there is always another desperate case around the next corner. A cousin who will die if she doesn't have an operation soon, or a child who has to pay his school fees today or lose his place in school. We now live in the Middle East and have had a long line of friends and relatives descending on us. All of them have been demanding and ultimately ungrateful. We are shortly moving to live in Britain and despite my wife's promises, we will no doubt have a queue at our door there too. What is more disappointing than all this though is my wife's attitude to our money. She, like her relatives, thinks that I have an inexhaustible supply of the stuff. Apart from the fact that she is an expert at flushing it down the toilet, she is hopeless at managing money and never seems to grasp the idea of a budget. I have explained to her how much money we will need in Britain. Once I finished explaining everything to her and she understood how tight our budget will be, she then said "And can I have my own car too?" And she doesn't even have a British driving license! Perhaps as you read this you are thinking that Western women are just the same. Maybe a few are but the difference is that my wife was trained from birth by her society to be like this. If on the other hand you can relate to all this and perhaps have even been through similar experiences yourself, please write to me at J_Cordy@hotmail.com and tell me about them. I'd like to hear from you, whatever you have to say. John Cordy จาก www.anusha.com/cordy.htm วิธีสังเกตแฟนฝรั่งว่า เศรษฐี หรือฝรั่งขี้นก อันนี้ขึ้นอยู่ที่ว่าสายตาใครจะแหลมคมกว่ากัน ชิงไหวชิงพริบเลยก็ว่าได้ มันต้องค่อยเป็นค่อยๆไป ไม่ใช่ไปแหวกหญ้าให้งูตื่น คุณทำงานอะไร? เงินเดือนเท่าไหร่? ได้โบนัสเท่าไหร่? ยิงคำถามไปโต้งๆเลย พ่อจะได้เผ่นกลับประเทศแทบไม่ทันซะเป็นไร ค่อยๆทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆแล้วค่อยถามก็ไม่น่าเกลียด แต่เราก็ควรจะมีข้อสังเกตุที่ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าเราเจอเพชรแล้วไม่ใช่ก้อนกรวด แน่นอนว่าหนุ่มดีๆรวยๆนั้นต้องหายากกว่า แต่ความพยายามย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จ อันนี้คุณต้องทำการบ้านมาหน่อยว่าหนุ่มที่คุณหมายตาเอาไว้บ้านเมืองเขามีวัฒนธรรมอย่างไร อาชีพ ประมาณใหนที่มั่นคง มีหน้าตา ที่แน่ๆ อาชีพใหนมีรายได้ดีบ้าง ลองสังเกตุการใช้ชีวิตของดูก็ได้ เขาชอบทำอะไร เที่ยวยังไง สไตล์การแต่งตัวคุณต้องตามแฟชั่นบ้างพอให้รู้ว่าเสื้อผ้า ยี่ห้ออะไรบ้างที่ ดูดีมีสกุล การกินอาหาร เรียบง่ายหรือหรูยังไง ร้านอาหาร5ดาวทุกมื้อ หรือ นั่งจกส้มตำข้าวเหนียวข้างถนน ฝรั่งขี้นก คงไม่เข้าร้านอาหารดีๆทุกมื้อหรอก อีกข้อหนึ่ง ที่พอจะสังเกตว่า เขาเป็นผู้ดี คือ การพูดจา นิสัยใจคอ การวางตัวคุณต้องสังเกตุออกว่ามันเป็นนิสัยของเขาจริงๆ หรือเสแสร้ง คบกันไปสักระยะคุณคงได้เหตุธาตุแท้ของเขาเผยออกมาเอง แต่ไม่ใช่ว่าคุณต้องลงทุนเปลืองตัวไปก่อนอะไร เพราะหนุ่มดีๆเขาจะสุภาพและให้เกียรติเรา จนเราแน่ใจว่าใช่ หนุ่มที่เราต้องการจริงๆถึงเวลานั้นคุณจะทำยังไง ก็เป็นเรื่องส่วนตัวแล้วล่ะ นอกจากนี้ยังมีอีกวิธีที่ได้ผลแน่ๆคือ ลงทุนตามเขากลับไปเยี่ยมเยียนดูพื้นเพ บ้านช่องรวมถึงญาติโกโหติกาเขาด้วย อันนี้คุณได้รู้แน่ๆ แต่มันต้องลงทุนกันหน่อย แต่ก็คุ้มค่าถือว่าไปเที่ยวต่างประเทศด้วยในตัว อาชีพที่แฟนฝรั่งทำได้ 1. อาชีพที่เขาเคยทำมาก่อนที่บ้านเขา เพราะเขาต้องมีความรู้และถนัดแน่ๆ แต่ต้องดูก่อนว่ากฎหมายบ้านเราห้ามไว้ด้วยหรือเปล่า 2. อาชีพ ค้าขาย มีหลายอย่างที่ฝรั่งทำได้ ไม่แพ้คนไทย อาจนำความรู้ที่เขามีติดตัวมาประยุกต์ใช้ที่บ้านเราได้ เช่นเขาทำอาหารเป็น ก็ลองทำร้านอาหารฝรั่งที่เมืองไทย น่าจะได้รับความนิยม หรือทำไม่เป็นก็จับมาหัดทำอาหารไทยซะเลย เปิดร้านส้มตำ โดยมีพ่อครัวใหญ่เป็นหนุ่มหัวผมทองยืนตำส้มตำ คงจะน่าดูไม่น้อยเรียกร้องลูกค้าได้อีกต่างหาก 3. เป็นครูสอนภาษาถ้าแฟนฝรั่งของคุณมีความรู้ด้านภาษามาบ้างก็สบาย เปิดคอร์สสอนภาษาให้เด็กๆเพราะปัจจุบันเด็กไทยชอบเรียนพิเศษเป็นแฟชั่นกันอยู่แล้วยิ่งได้เรียนกับเจ้าของภาษา ยิ่งได้เปรียบเด็กจะนิยม และคุยอวดกันได้เลยว่าได้เรียนกับครูฝรั่ง หรือจะไปสมัครเป็นครูสอนภาษาตามสถาบันกวดวิชาก็ได้อีกทาง 4. ทำงานตามบริษัทต่างชาติที่มาเปิดสาขาในประเทศไทย ถ้าเป็นชาติเดียวกันโอกาสได้งานก็น่าจะสูงตาม 5. เลือกธุรกิจที่เขาสนใจ อยากจะลองทำดู มีให้เลือกมากมายทำไปทำมาอาจรวยไม่รู้ตัวเลยก็ได้ 6. เป็นพ่อสื่อให้กับสาวไทย ที่อยากจะมีแฟนฝรั่งรับให้คำปรึกษาหรือเปิดเป็นบริษัทจัดหาคู่ เห็นมีสาวไทยหลายคนที่ประสบผลสำเร็จเรื่องคู่ครองต่างชาติ เปิดรับจัดหาคู่ ซึ่งก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะได้รับคำปรึกษาจากผู้มีประสบการณ์โดยตรงย่อมให้คำปรึกษาได้ดีที่สุด อาจเปิดเป็น เว็บไซด์หาคู่ก็ดีไม่น้อย 7. อื่นๆอีกมากมายให้เลือกทำ ข้อคิดสำหรับหญิงไทยที่แต่งงานกับฝรั่ง หญิงไทยเป็นจำนวนมากแต่งงานกับชาวอังกฤษหรือฝรั่งชาติอื่น แล้วเข้ามาอยู่ในสหราชอาณาจักร จากตัวเลขของสถานกงสุล เป็นไปได้ว่าจำนวนหญิงไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติพวกนี้มีจำนวนเป็นหมื่น ๆ คน นอกจากนั้น ในระยะสองปีตั้งแต่คู่มือ อยู่ยังไงในอังกฤษ ได้ถูกตีพิมพ์ และจำหนายแจกจ่ายออกไป ชมรมเพื่อนหญิงไทยในสหราชอาณาจักร ได้มีผู้ขอคำปรึกษาเรื่องการหย่าร้าง หรือเรื่องปัญหาในชีวิตครอบครัวเป็นจำนวนมาก ในกรณีที่หญิงไทยแต่งงานกับชาวอังกฤษและได้วีซ่าแต่งงานมาอยู่สหราชอาณาจักร 27 เดือน (เมื่อก่อนได้ 24 เดือน) คือยังไม่ได้วีซ่าถาวร ปัญหาในชีวิตครอบครัวจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงกับวีซ่าแต่งงาน เพราะหากสามีไม่รับรองการต่อวีซ่าให้แล้ว หญิงไทยเหล่านี้ก็ไม่มีสิทธิอยู่ในสหราชอาณาจักรต่อไป หมายรวมถึงลูกไทยที่กำลังเรียนหนังสือและได้วีซ่าติดตามแม่มาด้วย ผู้เขียนจะไม่พูดถึงเรื่องกฎหมายซึ่งจะเขียนไว้ที่อื่น แต่ขอเสนอข้อคิดบางอย่างให้เพื่อนหญิงไทยพิจารณา ผู้เขียนได้เห็นคำกล่าวหาของสามีฝรั่งในคดีหย่าร้างหลายครั้ง และได้ยินคำบอกเล่าจากหญิงไทยโดยตรงด้วยว่า สามีฝรั่งเขามักจะมีข้อตำหนิภรรยาไทย ดังนี้คือ • ขี้เกียจไม่ทำความสะอาดบ้าน ปล่อยให้บ้านสกโปรกรกรุงรัง • ชอบทำอาหารไทยซึ่งทำให้กลิ่นเหม็นทั่วบ้าน • ชอบดูหนัง ดูละคร ดีวีดี หรืออ่านหนังสือไทย จนไม่ทำงานบ้าน เช่น ทำกับข้าวให้สามีหรือลูกรับประทาน เป็นต้น • ชอบเล่นไพ่ เล่นแชร์ กับเพื่อน • สุรุ่ยสุร่ายซื้อเสื้อผ้า และ/หรืออาหาร (ไทย) เกินความจำเป็น • ตีลูก หลอกให้ลูกกลัวผี • ส่งเงินของครอบครัวที่นี่ไปเลี้ยงดูครอบครัวที่เมืองไทย เป็นต้น ผู้เขียนจะไม่พูดในประเด็นว่าสามีฝรั่งอาจมีส่วนผิดในการใช้ชีวิตสมรส หรือในประเด็นว่าใครผิดใครถูก หรือผู้ใดมีส่วนผิดมากน้อยเพียงใด ท่านอาจเคยได้ยินคำกล่าวหาซ้ำ ๆ เช่นนี้มาบ้างแล้ว ทำให้น่าคิดดว่าคำกล่าวหาพวกนี้มีมูลบ้างหรือไม่ โดยธรรมดาแล้ว ไม่มีใครต้องการให้ชีวิตสมรสอับปางลง เพราะกว่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ก็ต้องผ่านความยากลำบากมาพอสมควร การหย่าร้างจะทำให้เสียสุขภาพจิต เสียทรัพย์สินเงินทอง และเป็นการบีบคั้นทางจิตใจอย่างมาก แม้ฝ่ายสามีจะไปมีแฟนใหม่ อย่างน้อยในระยะแรกเขาก็คงไม่ต้องการให้ชีวิตสมรสล่มลง การหย่าร้างมักเกิดขึ้นเมื่อสถานการณ์เลวร้ายลงไปมากแล้ว คือทั้งสองฝ่ายทะเลาะ ด่าทอ หรือถึงกับตบตี คือช่วยกันทำให้สถานการณ์ที่ไม่ดีอยู่แล้ว เลวลงจนแก้ไขไม่ได้ ผู้เขียนจึงอยากให้เพื่อนหญิงไทยทุกท่านช่วยกันพิจารณาคำถามต่อไปนี้ • ท่านได้ทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุดแล้วหรือไม่ วันนี้มีอะไรที่ควรทำและยังไม่ได้ทำบ้าง • สามีของท่านเป็นผู้มีพระคุณกับท่านบ้างหรือไม่ เขาให้ความดูแลเลี้ยงดูท่านและลูกบ้างไหม • ท่านทำอะไรให้สามีภูมิใจในตัวท่านบ้าง ท่านเป็นแม่บ้านหรือแม่ที่ดี ไปเรียนภาษาอังกฤษ หรือหาวิชาความรู้อื่น ๆ ให้ตัวเองบ้างหรือไม่ ถ้าสามีตกงานหรือเจ็บป่วยท่านสามารถจะทำงานหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวได้หรือไม่ ท่านช่วยสามีหรือเขาพึ่งท่านในเรื่องอะไรได้บ้าง • เพื่อน ๆ ของสามีเขาเคยพูดว่าท่านมีความสามารถทางใดทางหนึ่ง และสามีท่านเขาโชคดีที่ได้ท่านมาเป็นภรรยาบ้างหรือไม่ ท่านเคยเสนอทำอาหารไทยชนิดยอดเยี่ยมให้เพื่อน ๆ สามีรับประทานบ้างหรือไม่ หรือท่านให้เวลาสามีและครอบครัวเต็มที่ เช่น เมื่อสามีกลับมาจากทำงาน ท่านพร้อมที่จะต้อนรับเขาและทำอาหารอย่างดีให้เขารับประทานบ้างหรือไม่ • ท่านเคยนินทา หรือใช้สรรพนามหยาบคาย (ซึ่งธรรมดาใช้กับสัตว์) ในการเอ่ยถึงสามี ให้เพื่อนไทยฟังบ้างหรือไม่ • หากท่านเอาใจเขา มาใส่ใจเรา และคิดว่าท่านเป็นเขา ท่านจะแต่งงานและหย่ากับคนอย่างท่านหรือไม่ ไม่มีใครสามารถได้คะแนนเต็มร้อย แต่หากท่านพยายามทำใจเป็นกลาง ท่านคิดว่าท่านน่าจะได้คะแนนสักเท่าไรในเรื่องคุณสมบัติของตนเอง ขอให้คำถามเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจเพื่อนหญิงไทยในการใช้ชีวิตสมรสอย่างมีประสิทธิภาพในต่างแดน ------------------------------------------------------ เสน่ห์ปลายจวัก เอาใจแฟนฝรั่ง สาวไทยในอดีตขึ้อชื่อเรื่อง งานบ้านงานเรือน เป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว แต่สังคมมันเปลี่ยนแปลงไป ผู้หญิงต้องทำงานนอกบ้านกันมากขึ้น ไม่มีเวลามาเข้าคอร์สแม่ศรีเรือนอย่างในอดีต แล้วจะเอาอะไรไปมัดใจ แฟนฝรั่งล่ะ ไม่ยาก หาสูตรเด็ดๆ ติดตัวไว้สักสูตร 2 สูตร บวกกับการเอาใจนิดหน่อยเท่านี้ แฟนฝรั่งของคุณก็ตายน้ำตื้นไปไหนไม่รอดแล้ว วันนี้เลยอยากชวนสาวไทยใจฝรั่งลองเข้าครัวหัดทำอาหารกันดู จะได้มีความรู้เรื่อง อาหารติดตัวไว้เผื่อได้ใช้ อาหารขึ้นชื่อที่ ทั่วโลกต้องยกนิ้วให้คงหนีไม่พ้น ต้มยำกุ้งอาหารประจำชาติ นั่นเอง สูตรการทำต้มยำกุ้ง เครื่องปรุงได้แก่ กุ้งแม่น้ำ 7-8 ตัว (หรือใช้กุ้งชนิดอื่นก็ได้) เห็ด 350 กรัม ตะไคร้ 1 ต้น ข่า 4-5 แว่น ใบมะกรูด 7-8 ใบ ผักชี 2 ต้น พริกสด 5 เม็ด ซีอิ้วขาว (น้ำปลา) 3 ช้อนโต๊ะ ฝรั่งบางคนไม่ชอบน้ำปลา ใช้เกลือก็ได้ น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ น้ำซุปไก่ 5 ถ้วย (ต้มเคี่ยวโครงไก่จนได้ที่) ขั้นตอนการทำ 1. นำกุ้งและเห็ดมาล้างให้สะอาด ปลอกเปลือกกุ้ง ผ่าหลังเอาเส้นดำออกให้สะอาด ส่วนเห็ดนำมาผ่าเป็น 4 ส่วน 2. นำตะไคร้ ใบมะกรูด พริกสด และผักชีมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นตะไคร้เฉียงๆ ฉีกใบมะกรูดเอาเส้นกลางใบออก ทุบพริกแล้วหั่นเป็นท่อน ส่วนผักชีนำมาหั่นหยาบๆ 3. เปิดเตาที่ไฟแรงปานกลาง ตักน้ำซุปใส่หม้อ รอจนเดือดจึงใส่ข่าตะไคร้และใบมะกรูดลงไปประมาณ 5 นาที 4. ใส่เห็ดและกุ้งลงไป รอจนเดือดประมาณ 2-3 นาทีจึงปิดเตา 5. ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ คือซีอิ้วขาว (น้ำปลา) น้ำมะนาว น้ำพริกเผา และพริกทุบ ชิมรสตามชอบ คนให้เข้ากัน 6. ตักต้มยำกุ้งใส่ถ้วย ใส่ผักชีโรยหน้า จากนั้นก็ยกเสริฟได้เลย สูตรต้มยำกุ้งน้ำข้น กุ้งแม่น้ำ (กุ้งก้ามกราม) 7-8 ตัว เห็ดฟาง 350 กรัม น้ำซุปไก่ 3 ถ้วยตวง ข่า 4-5 แว่น ตะไคร้สด 1 ต้น น้ำปลาดี 3 ช้อนโต๊ะ (เกลือ) น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูสวนบุบ 1/2 ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูด ฉีก 5 - 6 ใบ ผักชี 1 ต้น มันกุ้งผัด 1 ช้อนโต๊ะหรือน้ำพริกเผาก็ได้ 1 ช้อนโต๊ะ นมข้นจืด ครึ่งกล่อง ขั้นตอนการทำ 1.ปอกเปลือกกุ้งก่อน ตัดกรี ตัดหนวดออกบ้าง ผ่าหลังดึงเส้นดำออก ไว้หาง รีดเอามันที่หัวเก็บไว้ 2. หั่นตะไคร้ เป็นท่อนๆ ฉีกใบมะกรูด 3. ผัดมันกุ้ง ไฟอ่อนให้หอม (มีสำเร็จรูปขาย) 4.น้ำซุปใส่หม้อหม้อ ตั้งไฟ ใส่ข่า ตะไคร้ น้ำปลา ใบมะกรูด 5.พอเดือด ใส่กุ้ง ใส่เห็ด ประมาณ 3 นาที เติมนมข้นจืด ปิดไฟยกลง ตักใส่ชาม ปรุงด้วย พริกขี้หนู น้ำมะนาว มันกุ้ง โรยผักชี ชีวิตจริงที่เหมือนฝัน ของ ชุมศรี อาร์โนลด์คุณชุมศรี อาร์โนลด์(กุ้ง)หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านอาหารไทยพอตต์ (Thai Pot) ทราบดีถึงความลำบากของชีวิตในต่างแดนเมื่อเธอมีความพร้อมเธอจึงอยากช่วยคนไทยอื่นๆ ให้มีโอกาสอยู่ในประเทศอังกฤษได้อย่างเต็มภาคภูมิเธอจึงรวบรวมเพื่อนๆ ตั้งชมรมเพื่อนหญิงไทยในสหราชอาณาจักร(Thai Women’s Organisation (TWO)) เพื่อให้การช่วยเหลือได้สำเร็จผลอย่างเต็มที่ เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนชีวิตจริงที่เหมือนฝันของชุมศรี อาร์โนลด์ กับเรื่องราวความรักระหว่างพนักงานเสิร์ฟกับนายธนาคารใหญ่ กลายเป็นเรื่องราวที่เล่าขานกันในสังคมไทยขณะนั้นว่าเป็นเหมือนเทพนิยาย? เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบปีเทพนิยายในชีวิตจริงที่เหมือนฝันของ ชุมศรี อาร์โนลด์ ก็ยังคงดำเนินต่อไปเพียงแต่พล็อตเรื่องได้เปลี่ยนไปจากเรื่องราวความรักของชายหญิง ไปสู่เรื่องราวของครอบครัวเล็กๆและผู้หญิงคนหนึ่งที่มีพร้อมทั้งทรัพย์สินเงินทอง และความสุขในใจ…ซึ่งอาจจะเกินกว่าคำว่า”เทพนิยาย” ขณะนี้ ชุมศรี อาร์โนลด์ พำนักอยู่กับครอบครัว ที่แมนชั่นหรูย่าน Queen Ann’ s Gateกลางกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร มีความสุขกับการดูแลครอบครัวตกแต่งบ้านทำกับข้าวอ่านหนังสือนิตยสาร หลากหลายจากเมืองไทยขณะเดียวกันเธอยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง กลุ่ม Thai Women Organization ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนหญิงไทยในสหราชอาณาจักรเพื่อทำกิจกรรมสังคมช่วยเหลือ คนไทยในสหราชอาณาจักร ก่อนจะพูดคุยกันถึงชีวิตของเธอวันนี้ขอย้อนกลับไปถึงเรื่องราวดั่งเทพนิยาย ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนและเรื่องราวชีวิตแต่หนหลังของ “ชุมศรี อาร์โนลด์”ซึ่งเธอบอกเล่าด้วยเสียงหัวเราะ รู้สึกเขินเหมือนกันนะคิดว่าตอนนั้นที่คนสนใจเพราะคนอ่านสัมภาษณ์ ก็จะมีความรู้สึกว่าเรื่องจริงหรือเปล่าเว่อร์หรือเปล่าบางทีเราอ่านเรายังรู้สึกเลย แต่ตอนที่ให้สัมภาษณ์ไปตอนนั้นออกจากใจและมันเป็นเรื่องจริงๆคนก็รู้สึกอิน และเขาติดใจสโลแกนของดิฉันที่บอกว่ามาอยู่อังกฤษใหม่ๆ ก็มาขัดกระได ไชรูส้วมคือทำงานล้างห้องน้ำกันมาก่อนเลยจริงๆ ชีวิตมันก็เหมือนซินเดอเรลลาจริงๆเพราะเราเป็น Nobodyแล้วคุณลุคแมน(สามี) ก็เป็นนายแบงก์ใหญ่มีคนเคยบอกว่าอยากมีชีวิตอย่างนี้จังมันก็ไม่ใช่ชีวิตที่ทุกคน สามารถเลือกจะเป็นแบบนี้ได้ดิฉันก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร ถึงได้โชคดีขนาดนี้บางครั้งเคยตื่นขึ้นมาแล้วถามตัวเองว่าทำไมเราโชคดี ก็หาเหตุผลไม่ได้ก็ได้แต่คิดว่าคงจะเป็นบุญเก่าของเราก็เลยทำให้เราคิดว่า ต้องพยายามทำในสิ่งที่ดี ทำบุญทำกุศลให้มาก ชีวิตในวัยเด็กเรียกว่าเป็นชีวิตที่ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะในเรื่องฐานะทางครอบครัวเธอเป็นลูกสาวคนที่ ๒ ของบรรดาพี่น้อง๕คนโดยมีบ้านเดิมอยู่ในย่านตรอกจันทน์ “ดิฉันเป็นคนเกลียดการพนันมากเพราะตอนเด็กๆครอบครัวเราแย่ เพราะพ่อเล่นการพนันแต่แม่เป็นคนที่หนักเอาเบาสู้ขายข้าวแกง ส่งให้ลูกๆเรียนแม่เป็นคนที่เห็นความสำคัญของการศึกษามาก ส่งพวกเราเรียนโรงเรียนดีๆทั้งนั้นตอนเด็กดิฉันเรียนที่ โรงเรียนวาสุเทวีซึ่งเป็นโรงเรียนในเครือของมาแตร์พอจบป.๗ ก็ออกมาเรียนที่โรงเรียนยานนาเวศซึ่งเป็นโรงเรียนรัฐบาล เพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายของแม่ซึ่งยังต้องส่งน้องๆเรียนอีกจากยานนาเวศ ก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัยพอจบก็เอ็นทร้านซ์ไม่ติด เลยไปเรียนที่รามคำแหงเรียนได้๓ปีก็รู้ว่าไม่รอดแน่ก็เลยไปเรียนที่ YWCA เป็นคอร์สประกาศนียบัตรเทอมสุดท้ายก็ไม่ไปสอบเพราะไม่ชอบครูมั่นใจมาก(หัวเราะ) สรุปก็เรียนไม่จบอะไรเลยนะเกือบจบทุกแห่งจนตอนนี้มุ่งมั่นมากเลย ขอให้ลูกเข้าโรงเรียนประจำไปให้เรียบร้อยบ้านที่เมืองไทยเสร็จ ตั้งประณิธานไว้แล้วว่าจะกลับมาเรียนปริญญาให้จบ ตอนนั้นอายุ๒๓ก็มีแฟนแต่เรารู้สึกว่าคบกันต่อไปคงไม่ไหวแน่ๆพอดีมีเพื่อน ไปอยู่อังกฤษเขาก็ชวนว่ามาเถอะอย่าอยู่เลยก็เลยไปเหมือนเป็นสูตรสำเร็จเลยนะ ไปอ่านนิยายเรื่องไหนนะอกหักมันต้องไปเมืองนอก(หัวเราะ)จำได้เลยตอนที่ขึ้นเครื่อง คือเราว่าเราเรียนโรงเรียนฝรั่งมาตั้งแต่เด็กก็เรียกว่าภาษาอังกฤษเราก็ใช้ได้ แต่พอขึ้นเครื่องบินฟังเขาไม่รู้เรื่องเลยแล้วทีนี้จะขอผ้าห่มเขาก็นึกคำว่าผ้าห่มไม่ออก เพราะในชีวิตประจำวันเราไม่ต้องใช้คำว่าผ้าห่มเบสิคที่เราใช้ภาษาอังกฤษ คือเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาจำได้เลยว่าใช้ภาษาใบ้บอกเขาพอได้ผ้าห่มมาก็คลุมหัว แล้วร้องไห้โฮอยู่บนเครื่องว่าชั้นมาทำอะไรที่นี่สับสนมากแต่ก็โชคดีนะที่ไป เพราะถ้าอยู่ก็ไม่รู้จะเป็นไงตอนนี้อาจจะขายหมูปิ้งอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ (หัวเราะ) ช่วงแรกที่ไปถึงร้องไห้ทุกวันจะซื้ออะไรกินมันไม่ใช่ถูกๆแล้ว ตอนนั้นต้องไปซื้อร้านขายของเอเชียชื่อร้านมาตาฮารีเรื่องใหญ่ของดิฉัน คือเรื่องกินเป็นคนไม่ชอบอาหารฝรั่งเลยทุกวันนี้ก็คิดว่าที่แต่งงานกับคนอังกฤษนี่ พวกครูที่สอนภาษาอังกฤษเราสมัยเด็กๆคงจะหัวเราะก๊ากๆด้วยความสาสมว่า ตอนเรียนไม่ตั้งใจตอนนี้พระเจ้าลงโทษจำได้ว่ามีอาจารย์ท่านหนึ่ง ที่โรงเรียนศรีสุริโยทัยท่านสอนวิชาภาษาอังกฤษตอนบ่ายไม่รู้เป็นอะไร ดิฉันก็จะง่วงๆหลังกินข้าวตอนนั้นมีหมอนขวานเล็กๆอยู่แถวๆนั้น ดิฉันก็หลับโงกลงไปอาจารย์ก็เอาแปรงเขวี้ยงมาที่โต๊ะแล้วถามว่าใคร ส่งหมอนให้ยายชุมศรี(หัวเราะ)จำได้ว่าตอนแต่งงาน ก็เรียนเชิญอาจารย์มาอาจารย์เขาก็คงจะขำหรือสมน้ำหน้าเรา” ชีวิตช่วงแรกที่อังกฤษเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน เพราะเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการเรียนรู้ชีวิต อีกรูปแบบหนึ่งจนกระทั่งนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ “ช่วงแรกๆนี่ลำบากมากก็มีสโลแกนที่ดิฉันเคยให้สัมภาษณ์ว่าช่วงแรกที่มาอยู่อังกฤษ ต้องขัดกระได ไชรูส้วมเพราะเริ่มงานแรกคืองานส้วมที่คอลเลจ แห่งหนึ่งแถววิมเบอร์ดันทำสามคนกับเพื่อนเพื่อนได้ห้องน้ำผู้ชาย ดิฉันได้ห้องน้ำผู้หญิงอีกคนหนึ่งเก็บขยะในออฟฟิศ เริ่มงานหกโมงเช้าเราก็ต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้า ความจริงบ้านก็อยู่แถวๆนั้นแต่มันหนาวมาก ตอนนั้นเป็นเดือนกุมภา-มีนาความทรมานคือความหนาว งานมันไม่เท่าไรหลังจากนั้นพอไปเรียนในโรงเรียนภาษาก็เริ่มรู้จักคนไทย คนนั้นคนนี้ก็แนะนำกันไปตอนนั้นร้านอาหารไทย ในลอนดอนมีอยู่แค่๔-๕ร้าน หลังจากขัดกระได ไชรูส้วมพักหนึ่ง ก็อัพเกรดไปทำงานร้านอาหารไทยร้านแรกเขาก็ไม่ได้ให้เราเสิร์ฟอย่างเดียว ไปถึงเขาก็ส่งหมูสับส่งใบเกี้ยวมาสอนให้ปั้นขนมจีบ ช่วยในครัวเขาไปเสร็จสรรพก็ดีนะคะได้วิชาความรู้ติดตัวมาทุกวันนี้ ทุกวันนี้ยังทำขนมจีบเป็นอยู่เลยพอเปลี่ยนมาทำร้านอาหารไทย ชีวิตมันก็ดีขึ้นสบายมากขึ้นแต่งานมันดึกไงคะเลิกดึก แล้วเราทำงานแบบคนไทยไม่ใช่แบบฝรั่ง อย่างฝรั่งบอกว่าเข้าห้าโมง ห้าทุ่มเลิกก็คือจบ แต่พวกเรางานแบบคนไทยก็คือร้านเขาปิดเมื่อไร เราก็เสร็จเมื่อนั้นแขกออกไปเราก็ต้องเก็บเคลียร์ให้เรียบร้อย ทีนี้พอจากร้านหนึ่งก็ย้ายไปอีกร้านหนึ่งแล้วก็มาจบที่ร้าน ของคุณอากร ฮุนตระกูล ที่ได้เจอกับสามี เรื่องนี้ใครถามทุกวันนี้เราจะมองหน้ากันแล้วขำ ตอนที่เขาเจอดิฉันครั้งแรกดิฉันก็ทำงานที่ร้านอาหารไทย ร้านหนึ่งเรียนหนังสืออยู่แต่เรียนตอนเช้าก็จะเข้ามาทำงาน ช่วงบ่ายคุณลุคแมนจะมาทานข้าวเดือนละหนสองหน แล้วก็เขาจะมาทานสายสักบ่ายสองวันหนึ่งดิฉันก็นั่งเขียนหนังสือ ทำรายงานอยู่เขาก็มาถามว่ายูทำอะไรอยู่ เราก็ตอบว่า Hom workเขาก็นึกว่าเราอายุ ๑๕-๑๖ แต่ตอนนั้นอายุ๒๔แล้วนะคะเขาก็ไม่พูดอะไร พอเราอยู่ในร้านได้สักปีหนึ่งเขาก็มากินอาหารเป็นประจำ แต่เป็นคนพูดน้อยมากเราก็ฮัลโหล มิสเตอร์อาร์โนลด์ แต่เราจะแอบเรียกเขาว่ามิสเตอร์ก้ามปู เพราะเขาชอบกินก้ามปูแล้วก็เป็นคนใจกว้างทิปเยอะ ทุกวันนี้ก็เป็นคือดิฉันเป็นคนเสิร์ฟเก่า เราก็รู้หัวอกคนเสิร์ฟเราก็จะเป็นคนให้ทิปลูกชายก็จะติดพ่อติดแม่ ว่าทำอะไรต้องให้ทิปคนเขาไปซื้อไอติมกินที่ปากช่อง ดิฉันให้ไป๕๐๐ บาทคนขายบอกรอเดี๋ยวนะแคชเชียร์ไปห้องน้ำ ไม่มีเงินทอนเขาบอกไม่เป็นไรเอาไปเลย พวกญาติที่ไปด้วยถามใหญ่ว่าให้คนไหนไปเอาคืนมา(หัวเราะ) ทิปไปสองร้อยครึ่งหนึ่งของห้าร้อยเขาก็ตกใจว่าที่ทำนี่ผิดเหรอ เราก็อธิบายว่าไม่ผิดหรอกแต่ก็ต้องดูว่าเวลาเราทิปเขา เมื่อเขาบริการเราเยอะๆแต่นี่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ลูกก็หยิบไอติมเองแต่ตอนจบจำไม่ได้ว่าหลานชายทั้งหลาย วิ่งไปเอาตังค์คืนหรือเปล่าเพราะส้มหล่นลงไปแล้ว(หัวเราะ) พอทำงานได้สักพักตอนนั้นคุณอากรจะมาเปิดร้าน เขาก็ตระเวนกินตามร้านต่างๆเขาก็ชวนให้ดิฉันไปเป็นรีเซพชั่น ของร้านตอนนั้นตั้งใจว่าจะกลับเมืองไทยแล้วเขาก็บอกว่าแทนที่ จะกลับเมืองไทยก็มาทำงานตรงนี้ซะเลยเขาก็เลยให้ดิฉันทำ ตั้งแต่ร้านเริ่มเปิดเราก็หายไปจากร้านเดิม ซึ่งคุณลุคแมนก็มาเล่าให้ฟังตอนหลังว่าเขา กลับไปถามที่ร้านว่าคุณหายไปไหนมีคนบอกว่ากลับเมืองไทยไปแล้ว พอดีบ้านเขาอยู่ใกล้Knightsbridgeวันหนึ่งเห็นร้านไทยเปิด เขาก็เดินเข้ามาเห็นเราเข้าก็ดีใจเราก็ดีใจเพราะลูกค้าขาใหญ่ใช่ไหมคะ ยังไม่ได้คิดอะไรจากตอนนั้นมาอีก๓ปีผ่าน มาเขาถึงจะลุกขึ้นมาถามเราอีกที ว่าฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมเราก็นึกว่าคงจะถามว่ายูมีแฟนหรือยัง เขาถามคำหนึ่งว่า How old are you?เขาบอกเลยนะ ว่าถ้าต่ำกว่า๒๕เขาก็ต้องเซย์กู๊ดบายไม่กล้าจีบพอเราบอกว่า๒๘เขาก็ดีใจ เพราะตอนนั้นเขาก็๓๘ตอนนั้นเป็นช่วงที่ดิฉันเลิกกับแฟนทั้งหลาย(หัวเราะ) โสดจริงๆและไม่เคยคิดจะมีแฟนฝรั่งเลยเพราะถ้ากลับไปย้อนถามครูเก่าๆ ที่โรงเรียนวิชาที่ทำได้แย่ที่สุดคือภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นเขาก็ขอเดทชวนออกไปข้างนอก ตอนนั้นเราก็ไม่รู้หรอกว่าเขาทำงานอะไรรู้แต่ว่าทำงานธนาคาร จนแต่งงานกันก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาป็น Managing Director ธนาคารอะไรก็จำไม่ได้ จะต้องจดใส่สมุดว่าสามีทำงานที่ Credit Swiss First Boston หลังจากคบกันได้เดือนเดียวเขาก็ขอแต่งงานดิฉันก็กลับมาถาม พี่ศุภลักษณ์ ตัณฑาภิชาติ ซึ่งเป็นหัวหน้าเราในตอนนั้น เล่าให้พี่เขาฟังด้วยความตกใจว่าพี่เขาขอหนูแต่งงาน พี่เขาก็บอกว่าพี่ว่าเขาเป็นคนดีนะกุ้งรับเถอะก็เลยรับ ความรู้สึกตอนนั้นก็กลัวๆอยู่เหมือนกันนะคะแต่ความรู้สึก เราบอกว่าเราอบอุ่นมั่นคงปลอดภัยที่จะอยู่กับเขา เดทเดือนเดียวเองนะคะเขาชวนออกไปตอนคริสต์มาส แล้วเราก็แต่งงานวันที่๔กุมภาพันธ์ใครไม่รู้นึกว่าท้องก่อนแต่งนะคะ แต่กว่าจะท้องอีก๘ ปี”(หัวเราะ) ชีวิตหลังแต่งงานของเธอนับว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต โดยเฉพาะในด้านฐานะความเป็นอยู่และความสุขในชีวิตคู่ ที่เธอบอกว่าเป็นโชคดียิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ ๑ แต่ถึงกระนั้นก็ตามในความสุขอันล้นเหลือนั้นก็ยังมีความทุกข์ แฝงอยู่ด้วยซึ่งถือว่าเป็นธรรมดาในชีวิตของคนเรา “คุณลุคแมนเป็นคนใจกว้างมากพอแต่งงานกันเขาดูแลเรา แล้วก็ยังดูแลญาติพี่น้องเราด้วยเขาซื้อบ้านให้พ่อแม่เราที่เมืองไทย ในชื่อเราอาจจะเพราะว่าเขาเป็นลูกครึ่งอินเดีย คุณแม่เขาเป็นคนอินเดียทำให้เขาเข้าใจวัฒนธรรม ของคนตะวันออกที่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่หลังจากแต่งงานแล้ว ก็ทำงานอยู่พักหนึ่งเพราะยังไม่มีลูกแต่ตอนหลังเรารู้ว่า เรามีปัญหาเรื่องมดลูกท่อรังไข่ตอนนั้นอยากมีลูกมาก รู้สึกว่าเป็นสิ่งเดียวที่เราต้องการก็เริ่มรักษาเริ่มผ่าตัดใหญ่ ผ่าตัดแล้วก็ท้องธรรมชาติแต่ว่าก็ท้องนอกมดลูก ตอนนั้นก็เสียทั้งลูกเสียทั้งท่อรังไข่ เรียกว่าช่วงเวลานั้นเป็นอะไรที่เราทุกข์มากนะเพราะว่าสิ่ง ที่เราอยากได้ที่สุดก็คือลูกสามีก็อยากมีลูกมากสุดท้ายใช้เวลา๖ ปี ในการมีลูกทำทุกอย่างจนสุดท้ายมาทำ IVF เพื่อนของคุณลุคแมนก็มาแนะนำว่าให้ทำ IVFเพราะเขาทำแล้ว ได้ลูก ๓ คนตอนทำก็ยังคิดว่าได้แฝดก็ดีนะไม่ขาดทุน แต่สาธุ…ได้มาคนเดียวก็ดีแล้ว” (หัวเราะ) เมื่อการรอคอยที่ยาวนานถึง๘ ปีสิ้นสุดลง ครอบครัวนี้ก็ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่เป็นเด็กชายหน้าตาน่ารัก ชื่อ “Jocelyn”หรือ”จอร์จ”ซึ่งเป็นศูนย์รวมของความสุข และความหวังทั้งหมดของพ่อแม่นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องยืนยันว่า ชีวิตของ ชุมศรี อาร์โนลด์ เป็นยิ่งกว่าเทพนิยายจริงๆ ”พอมีลูกก็ยุ่งอยู่กับเขาเพราะคุณลุคแมนเดินทางมาก มันถึงได้มีช่วงจังหวะที่ทำให้ลูกพูดภาษาไทยได้ดีพอดิฉันท้องปั๊บ ก็พูดกับสามีเลยว่าต้องแบ่งเลยนะถ้าฉันพูดกับลูกเป็นภาษาไทย ห้ามเด็ดขาดนะห้ามเข้ามายุ่งห้ามถามด้วยแม้กระทั่ง ถ้าเราจะหัวเราะกันเกลือกกลิ้งก็ห้ามถามแล้วห้ามเสียใจ เพราะเดี๋ยวจะแปลให้ฟังเองถ้าไม่เหนื่อย ตอนเด็กๆ๒ปีแรกเขาพูดภาษาไทยเขาไม่พูดภาษาอังกฤษนะ เพราะยังไม่ไปโรงเรียนแต่ว่าเขาดูการ์ตูนภาษาอังกฤษทุกวัน เขารู้คำเดียวที่เขาพูดกับพ่อเขาคือ โน แดดดี้ โน ลุคแมน เขาเริ่มกลัวว่าตกลงลูกฉันจะพูดภาษาอังกฤษได้ไหมนี่ จนวันหนึ่งเขาบอกว่าแดดดี้ Can you open the light? คุณลุคแมนก็บอกว่า We say turn on or turn off (หัวเราะ) เขาก็ทำท่าคิดๆอยู่เพราะนี่มันแปลจากไทยเป็นอังกฤษ แต่พอเขาไปโรงเรียนแล้วก็โอ.เค.ก็พูดภาษาอังกฤษได้ เหมือนคนอื่นๆแต่ตอนแรกพ่อเขากลัวแทบแย่ ว่าลูกจะพูดไม่ได้(หัวเราะ)เ ดี๋ยวนี้เขาก็พูดไทยชัดแจ๋วแต่ก็มีสำเนียงอังกฤษหน่อยๆ อย่างช่วงที่เขามาเมืองไทยบ่อยๆตอนช่วง ๗-๘ ปีแรก ดิฉันจะมาปีละ๓ครั้งสมัยก่อนที่เขาฮิตคำว่า แบบว่า…เขาจะพูด หม่ามี้ แบบว่า?แบบว่า เขาถึงได้บอกว่า Mother Tongue ลิ้นของแม่ คือภาษาแม่ ตอนนี้รู้สึกดีมากที่สอนเขาพูดภาษาไทย เพราะวันหนึ่งไปรับเขาจากโรงเรียนออกมาทานข้าวกลางวัน เขาเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาพิเศษเขาบอกว่าโชคดีนะ ที่เขาพูดภาษาไทยได้รู้ภาษาไทยมาก่อนเพราะภาษาไทย ทำให้เขาเข้าใจภาษาญี่ปุ่นมากขึ้นเช่นเขาสอนลักษณะนาม อย่างแจกัน๒ ใบซึ่งเหมือนภาษาไทยจอร์จก็จะฟัง แล้วเข้าใจเลยขณะที่เพื่อนนั่งงงเขาก็เลยสอบได้Aวิชานี้” หลังจากที่ลูกชายเข้าโรงเรียนประจำแล้วชุมศรีจึงมีเวลาว่างมากขึ้น และได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมกับองค์กรเครือข่ายหญิงไทยในยุโรป (Thai Women Network in Europe)จึงทำให้มีความสนใจ ปัญหาของคนไทยในต่างแดนอย่างจริงจังจนเป็นที่มาของการก่อตั้งThai Women Organization(TWO)หรือกลุ่มเพื่อนหญิงไทยในสหราชอาณาจักร “มันเริ่มจากว่าดิฉันไปร่วมประชุมกับองค์กรเครือข่ายหญิงไทยในยุโรป ซึ่งผู้หญิงไทยริเริ่มก่อตั้งในเยอรมนีแล้วจะมีการจัดประชุมทุกปี ในประเทศต่างๆปีหน้าอังกฤษเป็นเจ้าภาพปีนี้ก็เบลเยี่ยม เขาเริ่มกันมาประมาณ๗ ปีมาแล้วโดยพยายามรวม กลุ่มภาคีของแต่ละประเทศในยุโรปล่าสุดคือประเทศอังกฤษ ซึ่งดิฉันไปร่วมประชุมกับเขาเมื่อปีที่แล้วก็เลยไปได้ความคิดมาว่า โอ้โฮในยุโรปนี่เขารวมตัวกันขนาดนี้นะแล้วคนไทยในอังกฤษ เรียกว่ามากกว่าแต่ละประเทศถ้าไม่นับเยอรมนี ก็เลยคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละเพราะว่าบังเอิญลูกดิฉัน จะเข้าโรงเรียนประจำปีนี้ก็เลยมีความรู้สึกเราเริ่มมีเวลาแล้ว พอกลับจากประชุมก็ไฟแรงเลยเริ่มติดต่อเพื่อนๆพี่ๆในวงธุรกิจ ที่เรารู้จักสนิทสนมทั้งหมดมาคุยกันแล้วดิฉันก็เล่าให้ฟังว่า ที่ดิฉันไปประชุมมามันเป็นยังไงเราน่าจะลุกขึ้นมาทำอะไรกันนะ ในกลุ่มนี้ก็มีพี่หมู(สายสัมพันธ์ สุวรรณประทีป) ซึ่งเป็นทนายความและเป็นคนเขียนหนังสืออยู่อย่างไรในอังกฤษ เล่มนี้แล้วก็มีคุณพรรณทิพาซึ่งเป็นเอเย่นต์ของเบียร์สิงห์ ในอังกฤษร้านตะวันนาและกลุ่มเพื่อนๆที่เขาทำงานกันหลากหลาย ก็มารวมกันเราก็คิดว่าก่อนที่จะทำอะไรเราก็ต้องรวมกลุ่มกันให้มันเป็นเรื่องเป็นราวก่อน เราก็เลยจัดตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาคิดหาชื่อที่จำง่ายที่สุด ก็มาลงตัวที่Thai Women Organization(TWO) หลังจากนั้นเราก็หาเงินวิธีหาเงินของเรา เราก็คิดว่าเราจะเที่ยวไปขอใครๆมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ คนที่ขอได้ง่ายที่สุดก็คือคนที่ใกล้ตัวดิฉันที่สุดก็คือสามี แต่ดิฉันก็ต้องมีผลงานให้เขาเห็นไม่ใช่ฉันไปขอเงินเธอ แล้วเที่ยวทำบุญบริจาคแบบทิ้งๆขว้างๆเริ่มแรกเราหาเงิน ด้วยวิธีการง่ายๆก่อนด้วยการทำCar Booth Sale เพราะพอดีจะมีงานวัดทุกคนก็กลับบ้านแล้วก็ไปหาสมบัติ ที่ตัวเองมีของดีๆที่เรามีอยู่แต่เราไม่ใช้แล้วก็เอาไปขาย ที่วัดไทยขายถูกๆพวกแม็กกาซีนหนังสือสกุลไทย ดิฉันก็หอบไปขาย(หัวเราะ) เพราะว่ามีเป็นตั้งแล้วอะไรที่เราจะใช้ก็ฉีกเก็บไว้หมดแล้ว(หัวเราะ) วันนั้นขายได้เงินมา๑,๕๐๐ปอนด์ทีนี้การก่อตั้ง คุณสายสัมพันธ์ก็ได้ตกลงกับสามีดิฉันว่าโอ.เค.ถ้าเราหาเงินได้เท่าไร เขาจะบริจาคให้เราเท่านั้นถ้าเราขายได้๑,๕๐๐ เขาก็ต้องสมทบให้ดิฉัน๑,๕๐๐มันเท่ากับว่าเป็นการผูกมัด ให้เราตั้งอกตั้งใจทำไม่ใช่ว่าอยู่ๆเงินมันก็จะลอยเข้ามา ในชมรมเรายิ่งเราหาได้มากเงินสมทบก็จะมากขึ้นตามมา นี่เราเพิ่งจัดตั้งมา๑ ปีก็มีการขายของไป๒ครั้ง จากนั้นพี่หมูก็มานั่งคุยกับดิฉันว่าพี่เห็นหนังสือ คู่มือของประเทศต่างๆเขาก็มีเรื่องของกฎหมายพอสังเขป ทำไมเราไม่ลุกขึ้นมาทำเพราะว่าในอังกฤษยังไม่มี พี่หมูเขาเป็นนักกฎหมายเขารู้เรื่องนี้ทั้งหมด เราก็เลยตกลงกันว่าพี่หมูจะเป็นคนเขียน ในระยะเวลา ๖-๙ เดือนนี้ดิฉันเป็นคนดูแล เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพราะเขามีสมองดิฉันไม่มี(หัวเราะ) ก็ถือว่าเราให้ความรู้แก่คนอื่นคือมันไม่ใช่หนังสือ ที่จะมาอ่านเล่นสนุกๆแต่มันเป็นหนังสือที่คนอ่านแล้วจะได้ ประโยชน์เราแบ่งเป็นโซนๆเรื่องความรู้ทั่วไป มาอังกฤษไหมเป็นยังไง,การเข้าเมือง,กฎหมายครอบครัว, เรื่องเกี่ยวกับครอบครัว,การทำงาน,ที่อยู่อาศัย, พินัยกรรม,มรดก,กฎหมายไทยที่ควรรู้หลายคนไม่รู้ เอกขอพาสส์ปอร์ตไทยให้ลูกได้ไหมหรือสามีจะขอวีซ่า มาอยู่เมืองไทยได้นานเท่าไรเรารวบรวมมาอยู่ในนี้แล้ว ใช้คำพูดง่ายๆไม่ใช่เป็นคำพูดแบบวิชาการซึ่งคนระดับการศึกษาทั่วไป ก็อ่านเข้าใจหรืออย่างเรื่องกฎหมาย,ความเป็นอยู่เขียนจากปัญหาโดยทั่วไป ที่เจอที่คนถามบ่อยๆคำถามที่ถามมาคำตอบอยู่ในนี้ แต่ทำไมเราถึงทำเป็นโฟลเดอร์เพราะกฎหมายอังกฤษ มันเป็นกฎหมายจารีตประเพณีกฎหมายจะเปลี่ยนแปลง อยู่ตลอดเวลามันไม่เหมือนกฎหมายบ้านเรา กฎหมายบ้านเราพิมพ์มา๓๐-๔๐ปีก็ยังอยู่ แต่กฎหมายอังกฤษเพราะความเป็นจารีตประเพณี เขาจะเปลี่ยนเมื่อไรก็แล้วแต่รัฐบาลนั้นๆเพราะฉะนั้น มันก็ต้องมีการดึงไส้นั้นออกสอดไส้นี้เข้าไป “หนังสือ “อยู่อย่างไรในอังกฤษ” จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ระดับพื้นฐานเกี่ยวกับการใช้ชีวิต ในประเทศอังกฤษโดยเฉพาะกลุ่มคนไทยที่ต้องเผชิญ ปัญหาอุปสรรคเพราะไม่ชำนาญด้านภาษาขาดความรู้ ด้านวัฒนธรรมและกฎหมายของอังกฤษ เนื้อหาของหนังสือมีเรื่องราวที่เป็นประโยชน์มากมาย อาทิ การเข้าเมืองและการถือสัญชาติอังกฤษ กฎหมายครอบครัว พฤติกรรมท้าทายของลูก ความรุนแรงในครอบครัว การทำงาน ที่อยู่อาศัย พินัยกรรมและมรดก กฎหมายไทยที่ควรรู้ เป็นต้น “หนังสือเล่มนี้เราอยากจะแจกให้ภาครัฐที่สนใจ เรายินดีมอบให้เป็นวิทยาทานว่า อยากให้คนไทยที่จะมาอังกฤษได้รับทราบข้อมูล ก่อนว่าไปแล้วจะเป็นยังไงเพราะตอนนี้ผู้หญิงไทย มองว่าการไปยุโรปเหมือนไปขึ้นสวรรค์ ได้เงินเยอะเงินมันเยอะจริงแต่ค่าครองชีพมันก็สูง อย่างฝรั่งที่เข้ามาในประเทศเราเอาเงินยูโรมา มันก็๕๐บาทแล้วเงินปอนด์ก็เกือบ๗๐บาท แล้วค่าครองชีพเราเท่านี้เขาก็ดูเป็นเศรษฐี พอกลับไปเขาก็อยู่แฟลตเล็กๆเรายังอยู่สบายกว่าอีก พวกที่อยู่ต่างจังหวัดบ้านยังใหญ่เสียกว่าอีก โอ.เค.มันไม่หรูหรือสะดวกสบายเท่าแต่ความเป็นอยู่ เราก็ไม่ด้อยกว่าเขานะคะหลายคนคิดว่ามาแล้ว จะต้องได้เงินไปขุดทองมันไม่ใช่อย่างนั้นทั้งหมด ส่วนใหญ่มันมีแต่กรวดทองนี่มันมีน้อย จะขุดทองมันต้องตั้งอกตั้งใจหรือต้องมีความรู้ความสามารถ ในฐานะผู้หญิงไทยที่มาอยู่เมืองนอกอยากจะพูด ให้ผู้หญิงไทยเข้าใจว่าเมืองนอกมันไม่ใช่สวรรค์นะ ทุกยุคทุกสมัยคนไทยก็ยังคิดว่าเมืองนอกเป็นสวรรค์ ถึงจะไปบอกเขายังไงเขาก็ไม่เชื่อปัญหามันมีหลายอย่าง ทั้งเรื่องภาษาและวัฒนธรรมซึ่งจะว่าเป็นเรื่องใหญ่มันก็ใหญ่นะ คนไทยนี่คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมากกว่าพอไปยุโรป ก็จะลำบากกับภาษาต่างๆซึ่งมันยากมากแค่ตรงนั้น ก็ทำให้คนที่เขาไปอยู่ถึงแม้คนที่แต่งงานไปธรรมดา ไม่ได้ถูกหลอกก็ยังกดดันพอบางทีมารวมตัวกัน อยู่ด้วยกันแล้วก็เริ่มทำเรื่องต่างๆเช่น เล่นไพ่ อันนี้ดิฉันเห็นกับตาตอนนั้นย้ายไปอยู่สิงคโปร์ คนไทยก็เริ่มนัดสังสรรค์กันวันนี้บ้านนี้นัดกัน เราก็ทำอะไรไปกินกันแรกๆก็เริ่มต้นกันอย่างนี้ หลังๆก็เริ่มจับกลุ่มกบดำกบแดง ป๊อกเด้ง ตอนหลังไปบ่อนเลยตอนแรกดิฉันก็เล่นป๊อกเด้ง พอสนุกไปกับเขาแต่พอตอนหลังเริ่มหนักขึ้น มันก็ไม่ใช่นิสัยเราแล้วเพราะเราเป็นคนเกลียด การพนันมากเพราะครอบครัวแย่เพราะพ่อเล่นการพนัน ได้ยินว่าบางคนสามีฝรั่งตามใช้หนี้ให้เป็นล้านเลยนะ อีกส่วนหนึ่งที่อยากทำมากคือดีวีดี เจาะมุมมองของแต่ละประเทศ เช่น อังกฤษ เยอรมนี สวิสอยากจะทำออกมาให้ดู เป็นหนังสั้นหรือสารคดีแล้วเราไปเจาะตามที่ต่างๆ ว่าคนไทยที่มาทำงานเขาอยู่กินยังไง ถ่ายจากของจริงนะไม่ได้สร้างฉากเลยเป็น Dark Side ของแต่ละประเทศเพราะทุกคนคิดแต่ว่า มาอังกฤษ แฮรอดจ์ ไฮด์ ปาร์ก พระราชวังบัคกิ้งแฮม แต่อยากจะให้ดูว่าถัดบัคกิ้งแฮมไปเป็นพวกไม่มีบ้านอยู่ นอนในกล่องกระดาษเสียดายว่าวิดีโอมันได้แต่รูปภาพ มันไม่ได้กลิ่นพวกนี้น่าสงสารแล้วก็ยังมีพวกขอทานอีก อยากให้คนไทยมีความรู้เกี่ยวกับประเทศนั้นๆก่อนจะเดิน ทางไปหรือเรียนภาษาเบื้องต้นของเขาสักนิด พอให้กระดิกหูฟังได้ขนาดดิฉันเองเมื่อไปถึงใหม่ๆ ขนาดเราเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เล็กๆยังฟังไม่รู้เรื่องเลย เพราะสำเนียงมันไม่ใช่ไงเราเคยได้ยินภาษาอังกฤษ จากสำเนียงทั่วๆไปจากที่เราพูดกันเองครูที่สอน ก็เป็นครูคนไทยเราก็ชินสำเนียงไทยนี่ยังแค่อังกฤษนะ ถ้าไปฟังดิฉันประชุมกันในเครือข่ายหญิงไทยนะคะ แต่ละประเทศภาษายากๆอย่าง เยอรมัน ฮอลแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดนเขาก็เก่งนะ เขาดั้นด้นกันไปโดยที่ไม่รู้ภาษาไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ในฐานะผู้หญิงไทยที่เคยผ่านการใช้ชีวิตในต่างแดน มานานกว่า๒๐ปีเธอได้สะท้อนถึงปัญหาหลากหลาย ของผู้หญิงไทยที่เป็นมาในอดีตและยังคงเป็นอยู่ในปัจจุบัน ว่า ”ปัญหาหลักๆของเคสในอังกฤษหลักๆคือเรื่อง Work Permit สิทธิการทำงานเรื่องค้าประเวณีหรือถูกล่อลวง นี่ไม่ใช่ไม่มีแต่มันไม่ใช่เคสใหญ่ๆ แบบที่สวิส หรือที่เยอรมนีแต่ว่ามันจะเป็นปัญหา เรื่องการลักลอบทำงานผิดกฎหมายแต่ที่อันนี้ ก็ไม่ใช่คนไทยอย่างเดียวก็มีคนเอเชียที่เข้าไปแล้ว ไปใช้สิทธิการเลี้ยงดูของรัฐบาลเหมือนกับว่า คุณไม่ทำงานรัฐบาลจ่ายจ่ายค่าเลี้ยงดู ค่าเช่าบ้านแต่คุณก็ยังไปแอบทำงานทีนี้ ไปแอบทำงานมันก็ผิดกฎหมายแล้วก็ปัญหา อย่างเช่นคนไทยเข้าไปในอังกฤษแล้วไม่มี Insurance ประกัน ไปในฐานะนักท่องเที่ยวหรือไปในฐานะอะไรก็แล้วแต่ คนไทยก็คิดว่าเรื่องประกันเป็นเรื่องเสียเงินโดยใช่เหตุ เพราะเสียเงินไปแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ได้อะไร แต่ไม่คิดว่าถึงเวลาเกิดต้องผ่าตัดขึ้นมา๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ปอนด์เลยนะคะ แล้วอย่างปัญหาในสายตาของพวกเราแม่บ้านก็คือ ปัญหาเรื่องเด็กที่มี๒สัญชาติมักจะสับสนถ้าพูดไป เด็กลูกครึ่งสมัยนี้ยังไม่โดนเหยียดผิวเท่าสมัยก่อน สมัยนี้ยังน้อยลงเยอะแต่ก็ยังมีเด็กก็จะเริ่มสับสน ว่าเอ๊ะ เราจะเป็นชาติอะไรแล้วก็เริ่มไม่พูดภาษาไทย เรื่องไม่พูดภาษาไทยนี่เป็นปัญหาใหญ่ของพวกเรามาก เด็กไม่ยอมพูดดิฉันเอาเคสนี้มาจากเพื่อน ซึ่งลูกพูดภาษาไทยไม่ได้ว่าทำไมลูกเธอถึงพูดไม่ได้ เขาบอกรำคาญเวลาพูดๆกันเดี๋ยวพ่อก็ยื่นหน้าเข้ามาแล้ว พูดอะไรกันฉันไม่เข้าใจมันไม่แฟร์มันเหนื่อย เหนื่อยที่จะต้องมาพูดสองหนก็เลยเลิกพูดไปเลย ทุกวันนี้ก็มานั่งเสียใจว่าลูกพูดภาษาไทยไม่ได้ ตอนนี้เราก็มีโรงเรียนสอนภาษาไทยที่วัดไทย ซึ่งก็ทำเป็นเรื่องเป็นราวเลยแล้วในยุโรปเขา ก็กำลังรณรงค์โครงการแม่ไก่คือสนับสนุนพวกแม่บ้าน ให้มีความรู้ในการสอนภาษาไทยให้ลูกไม่ใช่ใคร ก็สอนลูกเรียน ก ไก่ ข ไข่ก็ได้ เพราะภาษาไทย ค่อนข้างยากโครงการแม่ไก่ก็จะอบรมให้รู้หลักวิธีการสอน ที่ถูกต้องทีนี้ทางยุโรปเขากำลังทำและขอความร่วมมือ จากภาครัฐด้วยก็กำลังดำเนินการอยู่ อีกปัญหาหนึ่งคือเรื่องวัฒนธรรม ไม่เข้าใจวัฒนธรรมของเขาฝรั่งนี่เขาไม่ได้เอาพี่เอาน้องอย่างเรา อย่างเรามานี่เราอยากจะเก็บเงินส่งไปให้พ่อแม่ ฝรั่งเขาก็คิดว่าเงินของเขาจะไปส่งให้คนอื่นทำไม เขาไม่เข้าใจว่านี่คือพ่อแม่ผู้มีพระคุณเราต้องทดแทนพระคุณ เพราะวัฒนธรรมเรากับเขาไม่เหมือนกันของเขาไม่ต้องทดแทนบุญคุณ เพราะอายุ๑๖พ่อแม่ก็ไม่เลี้ยงแล้วหมายถึงในระดับหนึ่ง ระดับกลางลงไปอายุ๑๖จะเรียนก็เรียนไม่เรียนก็อย่าเรียน อย่างเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงระดับมัธยมรัฐบาลจ่ายหมด เราไม่ได้พูดถึงภาคเอกชนหรือเศรษฐีที่เขามีเงิน นั่นเขาส่งลูกเรียนโรงเรียนเอกชนกันพอถึง๑๖ ถึงอายุที่กฎหมายกำหนดก็ไม่เรียนกันแล้วพ่อแม่ก็ไม่สน เพราะถ้าคุณไม่เรียนปั๊บก็ออกไปทำงานหาเงินกันเอง แต่คนไทยไม่ใช่อย่างนั้นเราอยู่กับพ่อแม่จนทำงานแล้ว ก็ยังอยู่กับพ่อแม่ “ ในวันนี้ที่ชีวิตพรั่งพร้อมทุกอย่างแล้ว นอกจากการทำงานเพื่อช่วยเหลือสังคมตามกำลังความสามารถ สิ่งที่ ชุมศรี อาร์โนลด์ต้องการเพียงสิ่งเดียวคือ? ”อยากมีเวลานั่งสมาธิอยากละกิเลสตอนเด็กๆเคยนั่งสมาธิ เคยไปนั่งวิปัสสนาตอนนั้นอะไรๆก็ยังอยู่ในหัวน้อย มันก็ง่ายแต่ตอนนี้มันยากเวลาก็ไม่เอื้ออำนวย กิเลสก็จับตัวหนาเป็นก้อนศีล๕ยังรักษาไม่ได้ จะอะไรกับศีล๘จริงๆศี ๘ น่ะได้แต่ก็ยังขาดไปข้อหนึ่งอยู่ดี ก็เรายังอยู่ในสังคมพอเราบอกว่าวันนี้เราไม่ดื่มไวน์ คนก็จะถาม ทำไมแล้วยังไง(หัวเราะ)มารผจญเยอะมาก(หัวเราะ) ถ้าถามว่าต้องการอะไรอยากละกิเลสเคยนัดกับเพื่อนเหมือนกัน ว่าน่าจะไปเริ่มปฏิบัติธรรมกับคุณแม่สิริ ตั้งใจว่าเราจะไปอยู่เมืองไทยนานหน่อยแต่ตอน นี้สิ่งที่ขาดไปคือไม่ได้ใส่บาตรถ้าเราอยู่เมืองไทย ตอนเช้าเรายังหาทางออกไปใส่บาตรได้ก็ต้องพยายาม ทำอาหารไปวัดแล้วก็สวดมนต์ลูกดิฉันก็สวดมนต์๓จบได้นะคะ เพื่อนฝูงงงมากไม่ได้คาดคั้นเคี่ยวเข็ญเขาแต่เป็นคนที่นอนแล้ว ต้องสวดมนต์ตอนนั้นก็อยู่กันสองคนแม่ลูกเพราะพ่อเดินทาง เราก็สวดมนต์พอตอนหลังได้หนังสือสวดมนต์ ของหลวงพ่อจรัล ก็จะท่องตอนก่อนนอน ก็ไม่ได้รู้เลยว่าลูกนั่งตาแป๋วพนมมือแต้ฟังไปด้วย พอเขาอยู่กับพ่อ พ่อก็สอนสวดแบบคริสต์ พอมาอยู่กับเรา เราก็ เอ้า จอร์จ วันนี้ไม่สวดมนต์หรือลูก เขาบอกว่าจอร์จเป็นคริสเตียนพ่อก็บอกว่า O.K. you are Chirstian Let’s pray เขาบอก I am Buddist เริ่มกะล่อนแล้ว” (หัวเราะ) ชีวิตจริงที่เหมือนฝันและเทพนิยายเรื่องนี้ยังไม่มีตอนจบ เช่นเดียวกับที่ ชุมศรี อาร์โนลด์บอกว่า ชีวิตของเธอยังมาไม่ถึงบทสรุป? “เพราะชีวิตมันยังอยู่อดีตเรารู้ปัจจุบัน เรารู้แต่อนาคตเราไม่รู้อย่างอดีตที่ผ่านมา อะไรที่ผ่านไปแล้วเราก็ถือว่าเป็นบทเรียน อันไหนที่ดีเราก็จดจำไว้ดิฉันจะพยายามบอกครอบครัว เสมอว่า Forgive นะแต่อย่า Forget เพราะถ้าไม่ให้อภัยมันจะหนักอยู่ในอก เราให้อภัยแต่เราไม่ลืมนะเพราะเราต้องเตือนตัวเองว่า มันอันตรายมันไม่ถูกต้องแต่เราก็ต้องให้อภัยคนที่เขา คิดไม่ดีกับเราหรือทำร้ายเรา เราก็เป็นมนุษย์ธรรมดา รัก โลภ โกรธ หลงมันเป็นเรื่องธรรมดาแต่ถ้าควบคุมไว้ ให้มันอยู่ในมาตรฐานที่ผู้คนเขารับได้ว่าเราก็ทำได้แค่นี้ เราก็เป็นได้แค่นี้ถ้าทำได้มากกว่านี้ฉัน ก็คงเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงไปแล้ว ฉันคิดว่าอดีตผ่านไปแล้วคือบทเรียนแล้วเอาตรงนั้นมา ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดว่าเราจะต้องไม่พลาดแบบนั้นอีก แต่อนาคตนี่ไม่รู้จริงๆ ใครๆก็บอกไม่ได้ต่อให้หมอดูด้วย ดิฉันเป็นคนไม่ดูหมอเลยเพราะดูแล้วถ้าดีเราก็อาจ จะเหิมเกริมว่ายังไงก็สบายอยู่แล้วถ้าไม่ดี เราก็เป็นทุกข์อีกก็อยู่ไปอย่างนี้แล้วก็ทำแต่ละวันให้ดีที่สุดดีกว่าค่ะ “ (หน่วยงานภาครัฐที่สนใจหนังสือ”อยู่อย่างไรในอังกฤษ” สามารถติดต่อขอรับได้ที่ บริษัทคิธ แอนด์ คิน โทร. ๐-๒๖๖๓-๓๒๒๖) |
ศูนย์ LifeVantage
ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ LifeVantage : Protandim Nrf1 / Nrf2 / ProBio / TrueScience / TrueRenew ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ โทร ☎️ :: 084-110-5021 📍 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line ค่ะ
22 ตุลาคม 2553
บทความดีๆเกี่ยวกับแฟนฝรั่ง มาเล่าสู่กันฟัง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น